ข่าวฮือฮาในโลกไซเบอร์วันนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ นายเอ็ดเวิร์ด
สโนวดอน อดีตช่างเทคนิค สำนักข่าวกรองสหรัฐฯ (CIA) ออกมาเปิดเผยกับ
นสพ.การ์เดียน ว่า
รัฐบาลสหรัฐฯสอดแนมข้อมูลการใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตของชาวอเมริกัน
จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปทั่วโลก โยงใยหลายประเทศ และผู้นำสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ยอมรับว่าทำจริง เพื่อความมั่นคง
แต่ไม่ใช่กับคนอเมริกัน
เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการซีไอเอ ก็ออกมายอมรับว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) และ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ได้ใช้โปรแกรมลับที่ชื่อว่า “ปริซึม” (Prism) เจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์กลางของ 9 บริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ เพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
9 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ถูก เอฟบีไอ และ เอ็นเอสเอ เจาะข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้บริการก็มี ไมโครซอฟท์, กูเกิล, ยาฮู, เฟซบุ๊ก, แอปเปิล ยูทูบ, สไกป์, เอโอแอล และ พอลทอล์ก โดยมี ชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคนที่ถูกบันทึกการใช้โทรศัพท์ แต่ผู้อำนวยการซีไอเอก็บอกว่า ทำไปเพื่อความปลอดภัยของประเทศ ไม่มีเป้าหมายที่คนอเมริกันข้อมูลลับต่างประเทศที่เจาะได้ ก็เพื่อปกป้องภัยคุกคามต่างๆ
แม้ผู้บริหารค่ายเน็ตยักษ์ใหญ่ เช่น แลร์รี เพจ แห่ง กูเกิล หรือ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก แห่ง เฟซบุ๊ก จะออกมาปฏิเสธ ไม่เคยให้หน่วยงานใดของสหรัฐฯหรือรัฐบาลใดเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แต่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ก็ออกมายืนยันชัดเจนว่า มีการสอดแนมข้อมูลโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตจริง แม้จะเป็นการ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลบ้าง แต่ก็เป็น สิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันชาวอเมริกันให้ปลอดภัยจากการก่อการร้าย
เป็นอันว่า ประชากรทั่วโลก ที่ใช้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของ 9 ยักษ์ใหญ่ ล้วนถูก เอฟบีไอ และ เอ็นเอสเอ แฮ็กข้อมูลไปตรวจสอบทั้งสิ้น
ยูเอ็น หรือ องค์การสหประชาชาติ ก็มีรายงานเรื่องนี้ว่า แนวโน้มที่รัฐบาลทั่วโลกจะปฏิบัติการลับ เพื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้บริการระบบโทรคมนาคมและอินเตอร์เน็ตจะมีมาก ขึ้น โครงการที่ชัดเจน
ที่สุดก็คือ โครงการ “เอชเชอรอน” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ติดตั้งเครือข่ายรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อดักจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ข้อความ อีเมล์ ไปจนถึง การติดตามคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ทั่วโลก เพื่อล้วงความลับของชาติต่างๆในวงกว้างมากขึ้นและลึกลับขึ้น
สรุปแล้วในโลกไซเบอร์วันนี้ แทบจะไม่มีความลับอะไรเหลืออยู่เลย
ทุก วันนี้ใครใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้อินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการก็สามารถตรวจสอบได้หมดอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ซอกไหนในโลกก็ตาม ขอเพียงแค่คุณใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้อินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการก็จะรู้ที่อยู่ของคุณทันทีในเสี่ยววินาที ไม่งั้นจะเก็บค่าบริการเป็นวินาทีได้เรอะ
แล้ว หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ก็ใช้วิธีเจาะเข้าไปใน เซิร์ฟเวอร์ ของผู้ให้บริการอีกทอด ก็จะได้ข้อมูลทั้งหมด รู้ว่าใครอยู่ไหน พูดกับใคร ส่งข้อความอะไร
สอง วันก่อน หลังจากมีข่าวเรื่องนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการเรียกประชุม คณะกรรมการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรับมือความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านไซ เบอร์เพราะวันนี้มีคนไทยกว่า 40% เข้าถึงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้ว
ทุก วันนี้ คนไทย ที่ใช้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ อินเตอร์เน็ต ก็ไม่เหลือความลับอะไรให้ล้วงอยู่แล้ว ชื่อที่อยู่อีเมล์ก็กลายเป็นสินค้าไปแล้ว ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทุกวัน ดูได้จากข้อความขายของที่ส่งมาในโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต แต่คนไทยไม่ค่อยสนใจสิทธิเท่าไร การล้วงความลับส่วนตัวในเมืองไทย จึงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ.
เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการซีไอเอ ก็ออกมายอมรับว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) และ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) ได้ใช้โปรแกรมลับที่ชื่อว่า “ปริซึม” (Prism) เจาะเข้าเซิร์ฟเวอร์กลางของ 9 บริษัทอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ เพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
9 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ถูก เอฟบีไอ และ เอ็นเอสเอ เจาะข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้บริการก็มี ไมโครซอฟท์, กูเกิล, ยาฮู, เฟซบุ๊ก, แอปเปิล ยูทูบ, สไกป์, เอโอแอล และ พอลทอล์ก โดยมี ชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคนที่ถูกบันทึกการใช้โทรศัพท์ แต่ผู้อำนวยการซีไอเอก็บอกว่า ทำไปเพื่อความปลอดภัยของประเทศ ไม่มีเป้าหมายที่คนอเมริกันข้อมูลลับต่างประเทศที่เจาะได้ ก็เพื่อปกป้องภัยคุกคามต่างๆ
แม้ผู้บริหารค่ายเน็ตยักษ์ใหญ่ เช่น แลร์รี เพจ แห่ง กูเกิล หรือ มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก แห่ง เฟซบุ๊ก จะออกมาปฏิเสธ ไม่เคยให้หน่วยงานใดของสหรัฐฯหรือรัฐบาลใดเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของตัวเอง แต่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ก็ออกมายืนยันชัดเจนว่า มีการสอดแนมข้อมูลโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตจริง แม้จะเป็นการ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลบ้าง แต่ก็เป็น สิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันชาวอเมริกันให้ปลอดภัยจากการก่อการร้าย
เป็นอันว่า ประชากรทั่วโลก ที่ใช้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของ 9 ยักษ์ใหญ่ ล้วนถูก เอฟบีไอ และ เอ็นเอสเอ แฮ็กข้อมูลไปตรวจสอบทั้งสิ้น
ยูเอ็น หรือ องค์การสหประชาชาติ ก็มีรายงานเรื่องนี้ว่า แนวโน้มที่รัฐบาลทั่วโลกจะปฏิบัติการลับ เพื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้บริการระบบโทรคมนาคมและอินเตอร์เน็ตจะมีมาก ขึ้น โครงการที่ชัดเจน
ที่สุดก็คือ โครงการ “เอชเชอรอน” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ติดตั้งเครือข่ายรับสัญญาณดาวเทียม เพื่อดักจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ข้อความ อีเมล์ ไปจนถึง การติดตามคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ทั่วโลก เพื่อล้วงความลับของชาติต่างๆในวงกว้างมากขึ้นและลึกลับขึ้น
สรุปแล้วในโลกไซเบอร์วันนี้ แทบจะไม่มีความลับอะไรเหลืออยู่เลย
ทุก วันนี้ใครใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้อินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการก็สามารถตรวจสอบได้หมดอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะอยู่ซอกไหนในโลกก็ตาม ขอเพียงแค่คุณใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้อินเตอร์เน็ต ผู้ให้บริการก็จะรู้ที่อยู่ของคุณทันทีในเสี่ยววินาที ไม่งั้นจะเก็บค่าบริการเป็นวินาทีได้เรอะ
แล้ว หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ก็ใช้วิธีเจาะเข้าไปใน เซิร์ฟเวอร์ ของผู้ให้บริการอีกทอด ก็จะได้ข้อมูลทั้งหมด รู้ว่าใครอยู่ไหน พูดกับใคร ส่งข้อความอะไร
สอง วันก่อน หลังจากมีข่าวเรื่องนี้ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการเรียกประชุม คณะกรรมการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1 โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและรับมือความเสี่ยงจากภัยคุกคามด้านไซ เบอร์เพราะวันนี้มีคนไทยกว่า 40% เข้าถึงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตแล้ว
ทุก วันนี้ คนไทย ที่ใช้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ และ อินเตอร์เน็ต ก็ไม่เหลือความลับอะไรให้ล้วงอยู่แล้ว ชื่อที่อยู่อีเมล์ก็กลายเป็นสินค้าไปแล้ว ถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลทุกวัน ดูได้จากข้อความขายของที่ส่งมาในโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต แต่คนไทยไม่ค่อยสนใจสิทธิเท่าไร การล้วงความลับส่วนตัวในเมืองไทย จึงง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น