มีการโฆษณาเป็นประจำ ว่าลุงสมชายเหนื่อยยากเพื่อราษฎรมามากแล้ว
เป็นราชาที่เสียสละที่สุด เป็นราชาแห่งราชาทั้งหลาย
เป็นผู้วิเศษที่ราษฎรจะต้องซาบซึ้งให้มากที่สุด
ที่แท้เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องของการบังคับ โดยมีกฎหมายห้าม
ราษฎรดูหมิ่นหรือไม่เคารพกราบไหว้ลุงสมชาย
โดยถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรงมีโทษจำคุกต่ำสุด 3 ปี ถึงสูงสุด 15 ปี
โดยห้ามประกันและลงโทษแบบนับจำนวนครั้งหรือข้อความ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่
เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อสังคมหรือไม่
ตามด้วยการโฆษณายกย่องสรรเสริญทุกค่ำเช้า และห้ามการวิจารณ์โดยเด็ดขาด
ให้สดุดีและซาบซึ้งได้อย่างเดียวเท่านั้น
แม้บางเรื่องจะเห็นกันชัดๆ ว่าลุงเข้าข้างฝ่ายที่ไม่ชอบธรรมไม่ถูกต้อง เช่น
ให้ท้ายพวกพันธมิตรเสื้อเหลือง ขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สนับสนุน
และรับรองให้ทหารปล้นอำนาจของประชาชน
สั่งการพวกผู้พิพากษาให้เล่นงานลงโทษพวกของรักสิน
และคนเสื้อแดงอย่างไม่มีความเป็นธรรมที่เรียกกันว่า สองมาตรฐาน
เรื่องความดีและความเหนื่อยยากของลุงเป็นเรื่องที่พูดเอาเองข้างเดียว
เพราะห้ามโต้แย้ง ห้ามพิสูจน์ ห้ามซักถาม
ทั้งๆที่ราษฎรส่วนใหญ่ก็ต้องทำงานหนักแทบตลอดชีวิต ไม่ได้มีขบวนรถหรือ
คนรับใช้คอยปรนนิบัติรายล้อม นายกรักสินที่ทำงานหนักและได้ผลงานมากกว่าลุง
แต่ก็ยังมีคนกล่าวหาว่าเป็นการเอาหน้า
เป็นประชานิยมที่ต้องการสร้างภาพและหาเสียง
ผู้ทรงความรู้และนักวิชาการทั้งหลาย ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงหรือวิจารณ์ลุง
เพราะกลัวจะมีภัย ทุกคนต้องก้มหน้าสรรเสริญสดุดีลุง
โดยไม่ต้องไปพิจารณาไตร่ตรองหรือใช้สติปัญญาใดๆทั้งสิ้น
ลุงสมชายจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด โดยห้ามตั้งข้อสงสัยเด็ดขาด
การที่ประชาชนไทยแสดงความซาบซึ้งต่อลุงสมชาย
จึงเป็นเรื่องที่ถูกบังคับทั้งทางกฎหมายและสังคมวัฒนธรรม
โดยมีสื่อที่โหมโฆษณาแต่ความดีของลุงสมชาย
เพื่อสร้างรูปการจิตสำนึกมารองรับ
มิได้เกิดขึ้นเองอย่างที่มีการกล่าวอ้างกันแต่อย่างใด
ลุงสมชายไม่ใช่คนที่คนยากไร้
แต่เป็นเจ้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สินไม่น้อยกว่าหนึ่งล้าน
ล้านบาท แถมด้วยเงินที่เบิกจากงบประมาณไว้ใช้จ่ายอีกปีละกว่า 2,400 ล้านบาท
แม้ว่าลุงจะมีงานสงเคราะห์คนอนาถามากมาย
แต่ลุงสมชายก็เบิกเอาจากงบประมาณแผ่นดินทั้งนั้น
ขณะลุงสมชายมีกำไรจากธุรกิจและหุ้นจำนวนมหาศาลปีละหลายหมื่นล้านบาท
แต่ลุงและครอบครัวก็ยังคงเดินสายออกรับบริจาคเงินเอาเข้ากระเป๋าแล้วเบิกงบ
ประมาณมาใช้ คือ ได้ทั้งเงินได้ทั้งชื่อเสียง
แถมยังโฆษณาทวงบุญคุณแบบไม่มีวันจบสิ้น ทั้งๆที่ร่ำรวยมหาศาล
แต่ยังใช้เงินภาษีของราษฎรมากที่สุดกว่าราชาของประเทศใดๆ
ส่วนเรื่องที่ลุงสมชายแอบหนุนหลังพวกกบฏนั้น
ก็ได้มีการเปิดเผยโทรเลขของทูตสหรัฐ ที่ได้พูดคุยกับพลเอกบัง
เมื่อบ่ายวันที่ 20 กันยายน 2549
โดยนายพลบังยืนยันว่าลุงเป็นฝ่ายเรียกพวกตนเข้าพบ และออกข่าวทางทีวี
โดยที่พวกตนไม่ได้เป็นฝ่ายขอเข้าพบลุงแต่อย่างใดและลุงก็มีอารมณ์ดี
มีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงอาการสบายใจโล่งอก
เท่ากับเป็นการประกาศให้ราษฎรได้รู้ว่า
ลุงสนับสนุนการโค่นล้มรัฐบาลรักสินที่มาจากการเลือกของราษฎรส่วนใหญ่
มาตั้งแต่ต้น และก็ทำให้พวกทหารรักษาลุงสมชายที่ก่อการกบฏเกิดความมั่นใจ
ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะมีความผิด เพราะลุงสมชายออกหน้าสนับสนุนเต็มที่
ประชาชนทุกคนก็ได้เห็นการถ่ายทอดทีวี ที่มีภาพของลุงสมชายและป้าสมจิต
พร้อมทั้งเปรมิกาและผู้บัญชาการเหล่าทัพ
เพื่อแสดงการรับรองการก่อกบฏยึดอำนาจของประชาชน
แต่ไม่ใครกล้าพูดความจริงเพราะมีกฎหมายปิดปาก
ห้ามวิจารณ์ลุงสมชายโดยเด็ดขาด...........
วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557
ราษฎรมีความซาบซึ้งจริงๆหรือ?
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น