วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
พลเอก ประยุทธิ์ จันทร์โอชา เหยื่อคนสุดท้ายของแผนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ของกษัตริ์ภูมิพล
พลเอก ประยุทธิ์ จันทร์โอชา เหยื่อคนสุดท้ายของแผนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ของกษัตริ์ภูมิพล
by... ออกญา เพชรบุรี
กษัตริย์ภูมิพลเป็นคนที่ฉลาดและเจ้าเลห์อย่างร้ายกาจ รู้วิธีหลอกใช้คน และชิงลงมือก่อนกับคนที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายกับตน
แผนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ถูกกษัตริย์ภูมิพลใช้มาตลอดตั้งแต่ขึ้นครองราชย์จนมาถึงปลายรัชกาล
เหยื่อคนแรกที่ถูกกำจัดหลังเสร็จศึกคือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ที่เป็นเครื่องมือให้กับกษัตริย์ภูมิพลในการ กำจัดนายปรีดี พนมยงค์
แกนนำคนสำคัญของคณะราษฎร ที่โค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งภูมิพลถือว่าเป็นศตรูกับราชวงศ์จักรี
เมื่อกำจัดนายปรีดี พนมยงค์ ได้สำเร็จ
กษัตริย์ภูมิพลก็สนับสนุนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล
ป.พิบูลสงคราม ทำให้จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ต้องลี้ภัยและไปเสียชีวิตในต่างประเทศ
จากนั้นเมื่อจอมพลสฤษดิ์
ธนะรัชต์ มีอำนาจมาก ทำให้กษัตริย์ภูมิพลหวั่นเกรงว่าจะชิงอำนาจจากตน
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงถูกวางยาพิษเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ และจอมพลถนอม
กิติขจร ที่ขึ้นครองอำนาจต่อมา
ก็ถูกกษัตริย์ภูมิพลใช้ให้ยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แบบตัดรากถอนโคน
ต่อมาเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พอ.ณรงค์
กิตติขจร มีอำนาจล้นประเทศ ควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
จนกษัตริย์ภูมิพลหวั่นเกรงอีกว่าจะโค่นล้มตน เพราะมีข่าวว่า พอ.ณรงค์
กิติขจร เมาสุราแล้วเผลอพูดว่าจะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย
แต่แผนกำจัดสองจอมพลหนึ่งพันเอก ทำได้ยาก จะใช้แผนวางยาพิษเหมือนเดิม
ทางสองจอมพลหนึ่งพันเอก ก็มีความระมัดระวังตัวอย่างสูง
จะใช้กองทัพก็ไม่ได้เพราะสองจอมพลคุมอำนาจอยู่
ดังนั้นแผน 14 ตุลาคม
2516 อาศัยพลังนักศึกษาโค่นล้มสองจอมพลและหนึ่งพันเอกจึงเกิดขึ้น
และกษัตริย์ภูมิพลก็ทำสำเร็จ จนสามารถขุดรากถอนโคน ตระกูลกิตติขจร
และจารุเสฐียร ด้วยการยึดทรัพย์
จากนั้นนักศึกษาและประชาชน
ที่เป็นวีรบุรุษอยู่ในช่วงสั้นๆ ก็ถูกกำจัด
กลายเป็นโคถึกที่ถูกฆ่าหลังเสร็จนาในวันที่ 6 ตุลาคม ปี 2519
ทำให้กษัตริย์ภูมิพลนั่งครองบัลลังก์อย่างปลอดภัย
ต่อมากษัติย์ภูมิพลก็หลอกใช้กลุ่มนายทหาร จปร.รุ่น 5 ปราบปรามกลุ่ม
จปร.รุ่น 7 ในเหตุการณ์ยึดอำนาจ เมษาฮาวาย ปี 2524
และต่อมากษัตริย์ภูมิพลก็หลอกใช้ กลุ่มนายทหาร จปร.รุ่น 7 ให้ปราบ
กลุ่มนายทหาร จปร.5 ที่เริ่มจะมีอำนาจมาก ในเหตุการณ์เดือนพฤษภาทมิฬ ปี
2535
เป็นอันจบยุคทหารที่จะยึดอำนาจจากกษัตริย์ ทำให้กษัตริย์ภูมิพลครองบัลลังก์อย่างปลอดโปร่งอีกครั้งหนึ่ง
จนเมื่อโลกพัฒนาเข้าสู่ยุคทุนโลกาภิวัตน์ โดยการเกิดขึ้นของพรรคไทยรักไทย
และพตท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้กษัตริย์รู้สึกไม่ปลอดภัยอีกครั้ง
ดังนั้นกษัตริย์ภูมิพลจึงชิงลงมือก่อน อย่างที่เคยทำมาและสำเร็จมาโดยตลอด
เช่นการวางระเบิดเครื่องบินลำที่ พตท.ทักษิณ ชินวัตร
จะใช้เดินทางไปจังหวัดน่าน รวมทั้งแผนการลอบยิงด้วยสไนท์เปอร์ 5 ครั้ง
และแผนวางระเบิดขบวนรถของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ที่บางพลัด
ก็เป็นฝีมือของทีมงานกษัตริย์ภูมิพลทั้งสิ้น
แต่แผนจากคนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต ทำให้ พตท.ทักษิณ ชินวัตร
รอดตายมาได้อย่างโชคช่วยทุกครั้ง
เมื่อแผนลอบสังหารไม่สำเร็จ
แผนใช้มวลชนกดดันสร้างความปั่นป่วน โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล จึงเกิดขึ้น
จนเมื่อสร้างความปั่นป่วนได้เต็มที่แล้ว ขุนพลที่ชื่อ พลเอกสนธิ
บุญยรัตกลิน ก็ถูกกษัตริย์ภูมิพลหลอกใช้ให้ออกศึก
ด้วยการยึดอำนาจจากรัฐบาลพตท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สำเร็จในวันที่ 19 กันยายน
ปี 2549 ต่อมาเมื่อ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
เกษียณอายุราชการหมดประโยชน์ในการใช้สอย พลเอกสนธิ
ก็ต้องกลายเป็นขุนพลที่ถูกทอดทิ้ง และเป็นหมาหัวเน่าอยู่จนทุกวันนี้
และถึงแม้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะหลอกใช้ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
ยึดอำนาจได้สำเร็จ แต่ก็ไม่สามารถขุดรากถอนโคน พตท.ทักษิณ ชินวัตรได้
ทำให้กษัตริย์ภูมิพลต้องมองหาขุนพลคนใหม่เพื่อหลอกใช้งานอีกครั้งหนึ่ง
และขุนพลคนใหม่ที่กำลังสดอยู่ในขณะนี้ก็คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
และมันกำลังจะซ้ำรอยอดีตขุนพลทั้งหลาย
ที่ถูกกษัตริย์ภูมิพลหลอกใช้และและฆ่าหลังเสร็จศึก พลเอกประยุทธิ์
จันทร์โอชา คงจะเป็นขุนพลคนสุดท้าย ที่กษัตริย์ภูมิพลหลอกใช้
เพราะกษัตริย์ภูมิพลคงไม่มีอายุยืนยาวให้หลอกใครได้อีกแล้ว
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ขุนพลคนอื่นๆที่ผ่านมา
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องรู้ว่าตนถูกหลอกใช้ให้โค่นล้มใครในครั้งนี้
พตท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ สมเด็จพระบรมฯ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพตท.ทักษิณ
ชินวัตร เป็นเพียงเป้าหมายรอง แต่พระบรมฯ ลูกชายของกษัตริย์ภูมิพลเอง
เป็นเป้าหมายหลักที่จะโค่นล้ม แต่กษัตริย์ภูมิพลไม่กล้าปลดลูกชายของตนเอง
แต่หลอกใช้ให้พลเอกประยุทธิ์ ยึดอำนาจแทน
จากแผนสร้างความปั่นป่วนทั่วประเทศเพื่อใช้เป็นเงื่อนไข ให้พลเอกประยุทธิ์
ยึดอำนาจ พลเอกประยุทธิ์
จึงไม่ควรยอมให้กษัตริย์เฒ่าเจ้าเลห์ใช้เป็นเครื่องมือแล้วถูกกำจัดทิ้ง
เหมือนขุนพลคนอื่นๆในอดีต
ดังนั้น พลเอกประยุทธิ์ ควรจะกระทำการดังต่อไปนี้ คือ .-
1.พลเอกประยุทธิ์ ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเอง
และต้องควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกด้วย
อย่ายอมให้กษัตริย์ภูมิพลตั้งคนอื่นเหมือนคราวก่อนที่หลอกใช้พลเอกสนธิ
บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจแล้วให้ พลเอกสุรยุทธิ์ จุลานนท์ มาเป็นนายก
2.พลเอกประยุทธิ์ จะต้องต่ออายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกต่อไป
จนกว่าพลโทปรีชา จันทร์โอชา น้องชายจะก้าวขึ้นมาเป็น ผู้บัญชาการทหารบก
แล้วจึงขยับตัวเองขึ้นไปเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
3. การเลือกตั้ง
สส.และ สว. ต้องเว้นวรรคสัก 5 ปี โดยตั้งสภา คสช.แทน และพลเอกประยุทธิ์
ก็ควบทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธาน คสช.คนเดียวเสียเลย
ทั้งนี้เพื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
4. พลเอกประยุทธิ์ ต้องต่อรองกับกษัตริย์ภูมิพลขอติดยศเป็น จอมพลป. จันทร์โอชา เพื่อเพิ่มบารมี
5. ธรรมนูญการปกครองที่จะร่างขึ้นมาใช้ ควรมีมาตรา 17
เหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
จะได้มีอำนาจเด็จขาดในการตัดสินคดีได้สะใจพวกซาดิสต์
ขอให้ ฯพณฯท่าน จอมพล ป. จันทร์โอชา จงทรงพระเจริญ
http://goo.gl/0iDnhF
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557
การไล่ล่าคนงานเขมร
การไล่ล่าคนงานเขมรกับพม่าขัดกับผลประโยชน์คนไทยส่วนใหญ่
สังคมนิยมคือประชาธิปไตยแท้ที่พึงปรารถนา
ความ “เท่าเทียม” ของสังคมนิยม ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ “ความเหมือนกัน” เพราะสังคมนิยมจะเปิดโอกาสให้เราทุกคนมีเสรีภาพที่จะเป็นปัจเจกเต็มที่ มันเปิดโอกาสให้เรามีนิสัยใจคอ วิถีชีวิต และรสนิยมตามใจชอบ แทนที่จะต้องแต่งเครื่องแบบ ถูกบังคับให้ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ และมีวิถีชีวิตในกรอบศีลธรรมและรสนิยมของชนชั้นปกครอง
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
สังคมนิยม คือวิธีการจัดการบริหารสังคมมนุษย์โดยเน้นความร่วมมือกันระหว่างพลเมือง เน้นความสมานฉันท์และเน้นความเท่าเทียมกัน แทนที่จะเน้นการแย่งชิงกัน หรือการเอารัดเอาเปรียบกัน ตามระบบความคิด “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ของทุนนิยมตลาดเสรี
สังคมนิยม เป็นระบบที่ไม่มีชนชั้น คือไม่มีเจ้านายและผู้ถูกปกครอง ไม่มีคนส่วนน้อยที่ครอบครองทรัพยากรเกือบทั้งหมดในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่มี อะไรนอกจากการทำงานเพื่อคนอื่น มันเป็นระบบที่ยกเลิกนายทุนและลูกจ้าง และที่สำคัญคือเป็นระบบที่มนุษย์จะสามารถพัฒนาตนเองได้เต็มที่ แทนที่จะถูกจำกัดอยู่ในกรอบ สังคมนิยมคือสภาพมนุษย์ที่เป็นปัจเจกเสรีในระดับสูงสุดผ่านกระบวนการร่วมมือ กับทุกคนในสังคม
ใน ระบบทุนนิยม ถ้าเรามีประชาธิปไตย มันก็แค่ประชาธิปไตยครึ่งใบเท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าเราอาจมีโอกาสลงคะแนนเสียงเลือกรัฐบาล หรืออาจมีเสรีภาพในการแสดงออกบ้าง แต่เราไม่มีสิทธิ์ในการออกแบบและควบคุมเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจ การลงทุน และการผลิตถูกควบคุมโดยนายทุนในรูปแบบการผูกขาดอำนาจ และเราไม่มีโอกาสร่วมในการปกครองตนเอง เพราะเรายังมีคนมาปกครองเราภายใต้ระบบชนชั้น ในระบบทุนนิยมนี้ แม้แต่ในประเทศที่ไม่มีกฏหมายเผด็จการแบบ 112 ที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ก็ยังมีข้อจำกัดอื่นเช่นประเด็นว่าใครครองสื่อมวลชนเป็นต้น ดังนั้นสิทธิในการแสดงออกของคนธรรมดากับนายทุนสื่อต่างกันในรูปธรรม
ใน สังคมปัจจุบันเราไม่มีโอกาสเลือกว่าเราจะ “เป็นใคร” หรือ “เป็นอะไร” อย่างเสรี เพราะเราต้องไปหางานภายใต้เงื่อนไขนายทุน เด็กถูกแยกและคัดเลือกตั้งแต่อายุยังน้อยว่าจะเป็น “ผู้ประสพความสำเร็จ” หรือเป็น “ผู้ไม่สำเร็จ” และเกือบทุกครั้งมันขึ้นอยู่กับว่าเด็กนั้นเกิดในตระกูลไหน มนุษย์จำนวนมากจึงไม่สามารถพัฒนาตนเองได้เต็มที่ท่ามกลางความหลากหลายเลย
ความ “เท่าเทียม” ของสังคมนิยม ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ “ความเหมือนกัน” เพราะสังคมนิยมจะเปิดโอกาสให้เราทุกคนมีเสรีภาพที่จะเป็นปัจเจกเต็มที่ มันเปิดโอกาสให้เรามีนิสัยใจคอ วิถีชีวิต และรสนิยมตามใจชอบ แทนที่จะต้องแต่งเครื่องแบบ ถูกบังคับให้ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ และมีวิถีชีวิตในกรอบศีลธรรมและรสนิยมของชนชั้นปกครอง
นัก สังคมนิยมชื่อดัง เช่น คาร์ล มาร์คซ์ หรือ ลีออน ตรอทสกี้ เคยวาดภาพว่าภายใต้สังคมนิยมเราจะสามารถเป็นศิลปินหรือนักวิทยาศาสตร์ตอน เช้า และเป็นช่างฝีมือหรือนักกิฬาตอนบ่ายได้ ชีวิตแบบนั้นจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานโดยสิ้นเชิง เพราะเดิมมนุษย์รักการทำงานที่สร้างสรรค์ แต่พอเราตกอยู่ในสังคมชนชั้น งานกลายเป็นเรื่องซ้ำซากน่าเบื่อภายใต้คำสั่งของคนอื่น งานในระบบสังคมนิยมจะเป็นสิ่งที่เราอยากทำเพราะมันจะทำให้เรามีความสุขและ รู้สึกว่าเรามีผลงานที่น่ายกย่อง
แน่ นอนงานบางอย่างคงไม่มีวันสนุก เช่นการซักผ้า เก็บขยะ หรือการทำความสะอาดส้วม แต่งานแบบนั้นเราใช้เครื่องจักรมาทำแทนได้บ้าง และที่ต้องอาศัยมนุษย์ก็ผลัดกันทำ ไม่ใช่ว่ามีบางคนในสังคมที่ต้องทำงานแบบนี้ตลอดชีพ
สังคมนิยม คือระบบที่เราร่วมกันผลิตสิ่งที่เพื่อนมนุษย์ต้องการ และเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการดังกล่าว จะใช้ระบบการทำงานของทุกคนตามความสามารถของแต่ละคน แต่ในระบบทุนนิยมมันมีการผลิตเพื่อกำไรของนายทุนอย่างเดียว ดังนั้นเมื่อกำไรลดลง ก็จะเลิกผลิต ทั้งๆ ที่คนยังต้องการสินค้ามากมาย มันจึงเกิดวิกฤตแห่งการผลิต “ล้นเกิน” ท่ามกลางความอดอยากเสมอ ทุนนิยมนี้ไร้ประสิทธิภาพจริงๆ
สังคมนิยม จะเป็นระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าระบบทุนนิยม เพราะมีการวางแผนการผลิต ผ่านระบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมของพลเมือง ไม่ใช่นายทุนแข่งกันผลิตเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายจนเกิดการล่มจมและปิดโรงงานหรือ เลิกจ้าง อย่างที่เราเห็นทั่วโลกตอนนี้ และสังคมนิยมจะไม่เปลืองทรัพยากรโดยการโฆษณาให้พลเมืองซื้อสิ่งที่ไม่ต้อง การหรือไม่จำเป็น ยิ่งกว่านั้นถ้าเรากำจัดการแข่งขันแบบตลาด ซึ่งเป็นแค่ระบบ “ตัวใครตัวมัน” เราจะกำจัดความจำเป็นของการทำสงครามและประหยัดงบประมาณทหารมหาศาล การจัดการบริการประชาชนในปริมาณระดับคนหมู่มาก จะยิ่งประหยัดค่าใช้จ่ายอีก เรามั่นใจตรงนี้ได้เพราะระบบสาธารณสุขและการศึกษาแบบ “ถ้วนหน้า” ในระบบทุนนิยมที่มีรัฐสวัสดิการ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าการบริการประชาชนผ่านบริษัทเอกชนหลายบริษัท และพลเมืองจะสามารถควบคุมคุณภาพ และออกแบบระบบการบริการที่ต้องการได้อีกด้วย ผ่าน “สภาประชาชน” ในระดับที่ทำงาน ท้องถิ่น หรือภูมิภาค
สภา ประชาชนที่ว่านี้ เคยถูกออกแบบมาโดยคนทำงานธรรมดาในคอมมูนปารีส หรือหลังการปฏิวัติรัสเซีย มันเป็นสภาที่เราถอดถอนผู้แทนที่เราเลือกมาได้ทุกเมื่อ เพื่อควบคุมเขาอย่างเต็มที่ มันเป็นระบบที่มีเขตการเลือกตั้งในสถานที่ทำงาน เพื่อควบคุมทั้งเศรษฐกิจและการเมืองพร้อมๆ กัน และมันเป็นสภาที่ผู้แทนไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน ไม่กินเงินเดือนมากกว่าคนธรรมดา ต่างจากรัฐสภาในระบบทุนนิยมโดยสิ้นเชิง
ใน ระบบสังคมนิยมเราจะขยันลบล้างความคิดล้าหลังในหมู่พลเมือง ที่นำไปสู่การดูถูกสตรี เกย์ ทอม ดี้ คนต่างชาติ หรือคนกลุ่มน้อย และมนุษย์จะสามารถรักกันด้วยหัวใจ แทนที่จะรักกันภายใต้เงื่อนไขของเงินหรือศีลธรรมจอมปลอม
ระบบ ทุนนิยมตีค่าสิ่งแวดล้อมในโลกไม่ได้ เพราะจะมองแค่กำไรเฉพาะหน้าเสมอ นี่คือสาเหตุที่สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และเรามีปัญหาโลกร้อน และที่น่าสังเกตุคือคนที่คัดค้านการแก้ปัญหาโลกร้อนมากที่สุดในปัจจุบัน คือพวกกลุ่มทุนใหญ่และรัฐบาลของเขา โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ในระบบสังคมนิยมเราจะให้คุณค่ากับการปกป้องโลกรอบตัวเรา โดยไม่คิดเป็นเงินๆ ทองๆ และนอกจากนี้เราจะให้คุณค่ากับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน โดยไม่ตีเป็นราคาเงินบาทหรือดอลล่าเลย เพราะบางอย่างมันมีค่ามากกว่าเงิน
คงจะมีคนล้าหลังหดหู่ที่พูดเหมือนแผ่นเสียงตกร่องว่า “มันเป็นแค่ความฝัน มันอุดมการณ์เกินไป” แต่เรามีคำตอบหลายประการ
ใน ประการแรกสังคมนิยมไม่ใช่ “สวรรค์” เพราะมันจะไม่แก้ปัญหาทุกอย่างในสังคมมนุษย์ แต่มันจะเป็นการสร้างเสรีภาพ ความเท่าเทียม และความอยู่ดีกินดี เราคงต้องลองถูกลองผิดไปเรื่อยๆ แต่อย่างน้อยมันเป็นจุดเริ่มต้น
ใน ประการที่สองสังคมนิยมสร้างขึ้นได้เมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่ค่อยๆ เปลี่ยนความคิดจากความคิดคับแคบที่มาจากการกล่อมเกลาในระบบทุนนิยม นี่คือสาเหตุที่ คาร์ล มาร์คซ์ เสนอว่าเราต้องปฏิวัติ เพราะการปฏิวัติล้มรัฐนายทุน จะเป็นโอกาสทองที่เราจะร่วมกัน “ล้างขยะแห่งประวัติศาสตร์ออกจากหัวเรา”
ใน ประการที่สาม เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์มนุษย์ ตั้งแต่เราวิวัฒนาการมาจากลิง เราจะพบว่าประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของเราเป็นประวัติของสังคมที่ไม่มีชนชั้น คือเราร่วมมือกันเต็มที่ ทุนนิยมเองก็พึ่งมีมาสองร้อยกว่าปีเอง ในขณะที่มนุษย์อยู่บนโลกมานานถึงสองแสนห้าหมื่นปี และแม้แต่ในสังคมปัจจุบัน เราก็เห็นตัวอย่างของการร่วมมือกันหรือความสมานฉันท์เสมอ สังคมนิยมใกล้เคียงกับ “ธรรมชาติมนุษย์” มากกว่าความเห็นแก่ตัวของทุนนิยม
อย่าง ไรก็ตามสังคมบุพกาลที่ไม่มีชนชั้นในอดีต ล้วนแต่เป็นสังคมที่มีความขาดแคลน มันจึงเป็นสังคมเท่าเทียมท่ามกลางความยากจน แต่ปัจจุบันเรามีความสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของมนุษย์ทุกคน เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีและสบายได้ สังคมนิยมจึงต้องอาศัยความก้าวหน้าที่เคยเกิดขึ้นในสังคมชนชั้น โดยเฉพาะระบบทุนนิยม แต่ทุนนิยมมันไม่ดีพอ เพราะมันไม่สามารถแจกจ่ายทรัพยากรให้ทุกคนได้ และมันเกิดวิกฤตและสงครามเป็นประจำ มันเหมือนกับว่ามนุษย์สร้างหัวจักรรถไฟที่มีพลังมหาศาลขึ้นมา แล้วขับรถไฟไม่เป็น เพราะคนขับคือนายทุนที่มีวัตถุประสงค์อื่น มันเลยตกรางเป็นประจำหรือชนกับรถไฟอื่น สังคมนิยมจะเปิดโอกาสให้เราทุกคนขับรถไฟได้อย่างปลอดภัย
พวก ล้าหลังจำนวนมากชอบพูดว่า “สังคมนิยมล้าสมัย” แต่ระบบทุนนิยมเก่ากว่าความคิดสังคมนิยม ถ้าอะไรล้าหลังก็คงต้องเป็นทุนนิยม และยิ่งกว่านั้นการบูชาสังคมชนชั้นที่เต็มไปด้วยการกดขี่มันเป็นเรื่องโบราณ และอดีต ในขณะที่การเสนอสังคมใหม่ที่เสรีและเท่าเทียมเป็นการมองอนาคต
ใน ประการที่สี่ สังคมนิยมคือความใฝ่ฝันของมนุษย์ ซึ่งในอดีตมนุษย์ที่เป็นทาสเคยฝันว่าจะมีเสรีภาพ มนุษย์ที่เป็นไพร่เคยฝันว่าจะมีสิทธิ์เลือกตั้ง สตรีเคยฝันว่าจะเท่าเทียมกับชาย และสิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจริงในโลกเรา แต่ถ้าเรามัวแต่ฟังพวก “กาดำหดหู่” ที่บอกว่ามัน “อุดมกาณ์เกินไป” ความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ไม่มีวันเกิด
ใน ประการที่ห้า สังคมนิยมคือเป้าหมายในจิตใจคนที่รักเสรีภาพและความเท่าเทียม แต่มันไม่เกิดง่ายๆ นักสังคมนิยมไม่เคยหลอกตัวเองว่าถ้านั่งอ่านหนังสือที่บ้านมันจะเกิดโดย อัตโนมัติ เราต้องขยันสร้างเครื่องมือที่จะล้มอำนาจเผด็จการของรัฐทุนนิยม เพื่อสร้างรัฐใหม่ของคนทำงานเครื่องมือนั้นคือพรรคปฏิวัติสังคมนิยม สหภาพแรงงาน และขบวนการเคลื่อนไหวของมวลชน เราต้องมีสื่อของเรา เราต้องขยายสมาชิกพรรค เราต้องฝึกฝนการต่อสู้ซึ่งแน่นอนจะมีทั้งแพ้และชนะ มีทั้งการก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและถอยหลังสองก้าว
ใน ประการที่หก สังคมนิยมคือระบบที่เน้นวิทยาศาสตร์และความคิด “วัตถุนิยม” ที่ติดดินและเป็นรูปธรรม แต่ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่เต็มไปด้วยไสยศาสตร์ และความเชื่อเพี้ยนๆ เช่นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของคนบางคน และมันเต็มไปด้วยการพยายามหลอกให้ประชาชนส่วนใหญ่กระทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับ ผลประโยชน์ของเขา เช่นการยอมรับการกดขี่ขูดรีด หรือการคลั่งชาติที่นำไปสู่การฆ่ากันเองของคนจนเป็นต้น ถึงแม้ว่าทุนนิยมเป็นระบบที่เคยถูกสร้างขึ้นมาบนความคิดวิทยาศาสตร์ แต่เนื่องจากมันเป็นระบบที่อำนาจอยู่ในมือคนส่วนน้อย การปกป้องทุนนิยมในยุคปัจจุบันกระทำบนพื้นฐานความเพ้อฝันและการหลอกลวง มันเป็นการฝันร้ายของมนุษย์
นอก จากนี้จะมีคนที่คิดว่าตนเองเป็น “ผู้รู้” และมาบอกว่า “สังคมนิยมสร้างไม่ได้” เพราะมันล้มเหลวที่รัสเซีย ยุโรปตะวันออก เวียดนาม ลาว หรือจีน และแถมมันเป็นเผด็จการด้วย ใช่ระบบการปกครองและระบบเศรษฐกิจที่เคยมีหรือยังมีอยู่ในประเทศเหล่านั้น มันเป็นเผด็จการที่ไม่มีเสรีภาพ และยิ่งกว่านั้นมันไม่มีความเท่าเทียมด้วย มันเป็นระบบชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดพลเมืองในนามของ “สังคมนิยม” โดยพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อเราวิเคราะห์ที่มาที่ไปของระบบเหล่านี้ จะพบว่ามันเกิดขึ้นครั้งแรกในรัสเซียบนความพ่ายแพ้และซากศพของการปฏิวัติ หลังจากที่เลนินเสียชีวิต มันเป็นการสร้าง “ทุนนิยมโดยรัฐ” โดยสตาลิน และในประเทศอื่นๆ หลังจากนั้นก็ลอกแบบกันมา ในจีนมันเป็นการปฏิวัติชาตินิยมของพรรคเผด็จการ และถ้าเราเปรียบเทียบบางเรื่องที่เห็นในเกาหลีเหนือทุกวันนี้ เราจะพบว่าคล้ายๆ ทุนนิยมตลาดเสรีของประเทศไทยอีกด้วยการวิเคราะห์ว่าระบบ “สตาลิน-เหมา” ตรงข้ามกับสังคมนิยม ไม่ใช่สิ่งที่พึ่งพบหลังมันล่มสลาย แต่เป็นการวิเคราะห์ของนักมาร์คซิสต์อย่าง ลีออน ตรอทสกี หรือโทนนี่ คลิฟ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
บาง คนอาจมองว่าไม่อยากปฏิวัติล้มทุนนิยม เขาจะ(เพ้อ)ฝันว่าทุนนิยมปฏิรูปให้น่ารักได้ เช่นการมีระบบรัฐสวัสดิการในสแกนดิเนเวียหรืออังกฤษเป็นต้น แต่เราต้องเปิดหูเปิดตาดูว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในประเทศเหล่านั้น เพราะวิกฤตของระบบทุนนิยมโลกในปัจจุบันกำลังกดดันให้รัฐบบาลทุกพรรคเอาใจนาย ทุนเพื่อเพิ่มอัตรากำไร มันแปลว่ารัฐสวัสดิการกำลังถูกทำลายลง สภาพความเป็นอยู่ของพลเมืองแย่ลง และมีการชักชวนให้คนทำงานตีกันเองด้วยลัทธิเหยียดเชื้อชาติ จนในบางประเทศพรรคฟาสซิสต์ก็ขึ้นมามีบทบาทอีก เหมือนหลังวิกฤตที่เกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
ทั้ง หมดนี้คือสาเหตุที่สังคมนิยมคือประชาธิปไตยแท้ที่พึงปรารถนา และผมอยากจะชักชวนให้ท่านผู้อ่านร่วมกับเราในองค์กรเลี้ยวซ้าย เพื่อสร้างสร้างสังคมนิยม