You can replace this text by going to "Layout" and then "Edit HTML" section. A welcome message will look lovely here.
RSS

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

23 กุมภาพันธ์ 2554 สุเมธ เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒโน

 ให้สัมภาษณ์กรณีเว็บไซต์แวนคูเวอร์ซัน ของแคนาดา รายงานว่าลุงสมชายเป็นราชาที่รวยที่สุดในโลก ว่า ฝรั่งโง่ เพราะที่จริงเป็นของหลวง คือเป็นของรัฐ แต่ฝรั่งเห็นตราครุฑก็เลยคิดว่าเป็นของลุงสมชาย ที่จริง กระทรวงการคลังดูแล ประธานของสำนักงานทรัพย์สิน คือ รัฐมนตรีคลัง ไม่ใช่สมบัติของลุง มันเป็นของสถาบันกษัตริย์ มีการตั้งคณะกรรมการ น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร ต้องดูที่ทรัพย์สินส่วนตัว ซึ่งเป็นของลุงสมชายจริงๆ ที่สืบทอดบัลลังก์มา เหมือนมรดกตกทอดมาถึงลูกถึงหลาน

ให้ไปดูบ้านช่องของลุง ยังเล็กกว่าของเศรษฐีในเมืองไทย แล้วบอกว่าลุงสมชายรวยที่สุดในโลกได้อย่างไร สติไม่ดี.. จากที่ตนได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิด ก็เห็นอยู่ว่าลุงสมชายใช้จ่ายน้อยที่สุด แล้วเวลาพูดถึงเรื่องประหยัด เราก็นึกและพูดถึงลุงสมชายกันทุกที

น่าแปลกใจกับข่าวที่บอกว่าลุงรวยที่สุด ดูชีวิตของลุงสิ ลุงอยู่วังเล็กๆ ใช้ของประหยัด กลายเป็นต้นแบบความพอเพียง ข่าวสองข่าวมันขัดกันในตัวเองอยู่แล้ว อันนี้ก็ต้องฝากสื่อไปในเมืองไทยข้อมูลก็รู้ๆเห็นๆกันอยู่ สื่อไม่ควรทำตัวเป็นคนโง่

กรณีที่มีคนนำเรื่องลุงสมชายมาพูดวิพากษ์วิจารณ์ตามที่สาธารณะมากขึ้น โดยเฉพาะทางสังคมออนไลน์หรืออินเตอร์เนท อย่างเปิดเผยมากขึ้นนั้น สุเมธกล่าวว่า

"ไอ้พวกนี้มีตัวตนที่ไหน อยากด่าใครก็ด่า เพราะฉะนั้น ในโลกออนไลน์จะสื่ออะไรก็ได้ทั้งนั้น ขืนเราเอามาเป็นสาระ ผมว่ารกสมอง"สุเมธกล่าวว่า ได้เข้าพบลุงสมชายเมื่อสองเดือนที่แล้ว ลุงยังแข็งแรงดี แต่อาจจะมีอาการของหลังที่ยังคงไม่ปกติ ทำให้เดินไม่สะดวก แต่ก็ยังทำงานอยู่ตลอด ไม่เคยได้หยุด เรื่องน้ำ ดิน อากาศ และทุกข์สุขของประชาชน ”

สุเมธออกมาโต้ข่าวความร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดของลุงสมชาย แทนที่จะไปชี้แจงต่อฟอร์บที่เป็นต้นตอการจัดอันดับความร่ำรวยของราชาทั่วโลก เพื่อสื่อต่างประเทศอื่นๆจะได้ไม่นำข้อมูลจากฟอร์บไปใช้ต่อ สุเมธกลับมาชี้แจงผ่านสื่อไทยซึ่งสื่อในประเทศก็ไม่กล้าออกข่าวความร่ำรวย ของลุงสมชาย แต่กลับมาโต้แย้งผ่านสื่อในประเทศ ทำให้คนในประเทศได้รู้กันมากขึ้นว่าสื่อต่างประเทศเขาจัดลำดับให้ลุงสมชาย รวยที่สุดในโลก

โดยที่ลุงสมชายก็มีรถมายบัคหลายคันราคาคันละไม่ต่ำกว่า 75 ล้านบาท ส่วนสุเมธก็ขับรถฟอร์รารี่ราคาหลายสิบล้านบาท ที่ต้องรีบออกมาตอบโต้แบบข้างๆคูๆก็เพราะได้โฆษณาหลอกลวงประชาชนไว้มากว่า ลุงสมชายประหยัดมาก ลุงคงจนมาก น่าสงสารลุงมาก พอมีข่าวโด่งดังว่าลุงเป็นราชารวยที่สุดในโลกสามปีซ้อนโดยรวยกว่ากษัตริย์ บรูไนและซาอุซึ่งมีบ่อน้ำมันมหาศาล ทำให้เกิดอาการร้อนตัว ต้องออกมาโต้แย้งแบบข้างๆคูๆเป็นข่าวเอิกเกริกในประเทศโดยไม่จำเป็น

ถ้าสุเมธไปเข้าพบลุงสมชายบ่อยๆ ก็น่าจะลองเสนอให้ลุงช่วยป้องกันความสับสนของสังคมไทยและสังคมโลก โดยยุบเลิกสำนักงานทรัพย์สินของลุง แล้วโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่รับชอบดูแล เงินของทรัพย์สินก็ยกให้เป็นงบประมาณแผ่นดินหรือเป็นเงินคงคลังอย่างที่หลวง ตามัวบริจาคทองคำเข้าคลังหลวง หุ้นก็ยกให้กระทรวงการคลังเอาไปบริหารจัดการ มีกำไรก็เอาเข้ารัฐ ที่ดินก็ยกให้กรมธนารักษ์เอาไปหารายได้เข้าแผ่นดิน

เวลาลุงไปเปิดงานไหนก็พูดพร่ำสอนให้ประหยัด สมถะ พอเพียง แล้วจะเก็บเอาทรัพย์สมบัติไว้ทำไมกันนักหนา ทั้งเงิน ทั้งหุ้น ทั้งที่ดิน แค่เงินเดือนที่รัฐจัดสรรให้ปีละสองพันกว่าล้านบาทก็น่าจะเกินพอแล้ว ถ้ามันมากเกินไปก็บอกรัฐบาลไป เขาจะได้ปรับลดให้สมกับความประหยัด ความสมถะ เห็นบอกว่า ทรัพย์สินส่วนพระราชาเป็นของหลวงของแผ่นดิน ก็ทำให้มันเป็นของแผ่นดินให้ชัดเจนแบบไร้ข้อกังขาไม่ได้หรือ


การที่สื่อนอกเขาจัดลำดับให้ลุงสมชายรวยที่สุดในโลก เขาอาจมีเจตนาจะบอกให้ชาวโลกรู้สถานทางเศรษฐกิจ มีทรัพย์สินและสินทรัพย์ที่ร่ำรวยมากกว่าราชาประเทศอื่นๆ ส่วนใครจะคิดต่อหรือสงสัยต่อว่า ทำไมลุงสมชายถึงได้รวยมากมายขนาดนั้น รวยมาจากไหน รวยแล้วทำไมยังของบจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นทุกปี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง สุเมธคงโกรธที่ตัวเองอุตส่าห์เป็นตัวตั้งตัวตีโฆษณาเรื่องของความประหยัดพอ เพียงของลุงสมชาย แต่สื่อฝรั่งก็รู้จนได้ว่าลุงสมชายร่ำรวยมั่งคั่งจริงๆ ไม่ใช่รวยเล่นๆ พอโต้แย้งเขาไม่ได้ เลยพาลไปว่าเขาโง่

ถ้าทรัพย์สมบัตินั้นเป็นของรัฐ เป็นของหลวง แล้วใครที่เป็นคนมีอำนาจอนุญาตให้ใช้สมบัติเหล่านั้น เป็นเรื่องชัดเจนที่บัญญัติไว้ในพรบ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระราชาอยู่แล้ว ขณะที่เงินงบประมาณจากภาษีอากรของประชาชนก็ล้วนแต่นำไปช่วยสร้างความเจริญ มั่งคั่งให้สำนักงานทรัพย์สินมาโดยตลอดทั้งถนนหนทางและสาธารณูปโภคต่างๆที่ ต้องทุ่มเทลงไปโดยเฉพาะในบริเวณที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินของลุงสมชาย

สุเมธแก้ตัวว่าประธานของผู้ดูแลสนง.ทรัพย์สิน คือ รัฐมนตรีคลังเพราะมีอำนาจมากทำให้ไม่มีใครกล้าตรวจสอบ แต่จงใจที่จะไม่บอกว่า กรรมการอีก 4 คน ลุงสมชายเป็นคนแต่งตั้งล้วนๆ

ข้อยืนยันว่าใครมีอำนาจจัดการหรือสั่งจ่ายทรัพย์สินก็คือ พ.ร.บ. จัดระเบียบทรัพย์สิน 2479 ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2491 หลังการยึดอำนาจของผิน ชุณหะวัณ ที่มีสาระสำคัญ คือ

มาตรา 4 ตรี ให้ลุงสมชายมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการทรัพย์สินส่วน ประกอบด้วยรัฐมนตรีคลังและกรรมการอื่นอีก ไม่น้อยกว่า 4 คน โดยให้เป็นผู้อำนวยการสำนักงาน1 คน

มาตรา 6 รายได้จากทรัพย์สินจะจ่ายได้เฉพาะที่ได้รับอนุญาตจากลุงสมชายแล้วเท่านั้น ..

มาตรา 8 ทรัพย์สินส่วนกษัตริย์ย่อมได้รับความยกเว้นจากการเก็บภาษีอากรเช่นเดียวกับทรัพย์สินของแผ่นดิน...

จึงเห็นได้ชัดว่าลุงสมชาย คือผู้มีอำนาจจัดการทรัพย์สินส่วนราชาที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องเสียภาษีเพราะอ้างว่าเป็นของสาธารณะ กลายเป็นว่าทรัพย์สินส่วนกษัตริย์เป็นของปวงชนชาวไทย แต่ลุงสมชายเป็นผู้ใช้ทรัพย์สินนั้นแต่ผู้เดียว แบบเดียวกับที่เขียนในรัฐธรรมนูญว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ลุงสมชายเป็นผู้ใช้อำนาจทั้งหมดเพียงคนเดียว

ตามหลักการแล้วทรัพย์สินส่วนกษัตริย์ เป็นทรัพย์สินของรัฐในประเทศที่ปกครองแบบประชาธิปไตย ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราช โดยต้องเป็นทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาลที่ได้รับการเลือก ตั้งมาจากประชาชนและสามารถตรวจสอบควบคุมโดยสาธารณะได้อย่างเต็มที่ทุกประการ เช่นเดียวกับทรัพย์สินของรัฐอื่นๆ แต่ในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารโค่นรัฐบาลหลวงธำรงค์ ได้ออกพรบ.เปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุมทรัพย์สินของรัฐส่วนนี้ ให้กลับไปเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราชอีก คือ ให้กษัตริย์มีอำนาจเด็ดขาดในการ จำหน่ายใช้สอยผลประโยชน์ที่ได้จากทรัพย์สินส่วนนี้ ตามอัธยาศัย ทำให้ทรัพย์สินส่วนกษัตริย์ ที่มีลักษณะเป็นทรัพย์สินของรัฐ กลายมาเป็นทรัพย์สินที่มีลักษณะ ส่วนตัวไปโดยปริยายไป...............

Read Comments
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น