ประวัติศาสตร์ชาติเชื้อไทย ฉบับร้อยพ่อพันแม่
The Fact of Thai Race in Thailand
ที่มาของรัฐชาติไทยหรือประเทศไทย
จอมพล ป. ได้เปลี่ยนชื่อประเทศสยามมาเป็นประเทศไทยเมื่อปี 2482 ขณะที่ประเทศไทยเริ่มก่อตัวเป็นประเทศขึ้นมาในช่วง 200 กว่าปีมานี้เอง โดยมีการปักปันเขตแดนเมื่อปี 2430-2452
ชุมชนบนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามีวิวัฒนาการมาหลายร้อยปีก่อนหน้านั้น เป็นภูมิประเทศเขตร้อนชื้น ผู้คนตั้งรกรากเป็นกลุ่มๆตามเมืองใหญ่ มีเจ้าครอบครองเป็นความสัมพันธ์แบบนายกับบ่าว มียุคสมัยของสงครามร่วม 400 ปี จากตั้งแต่ราว พศ. 1650 ถึง 2050 ที่มีการรบพุ่งกันบ่อยครั้ง เป็นยุคที่ระบอบกษัตริย์ชายชาติทหารได้มีอำนาจยิ่งใหญ่โดยได้รับการหนุนช่วย ด้วยพิธีกรรมลัทธิพราหมณ์ สร้างความมั่งคั่งจากการค้าต่างแดนและระบบเกณฑ์แรงงานเพื่อการสงคราม แต่หลังจาก พ.ศ. 2100 ทั้งภูมิภาคเริ่มสงบร่มเย็น การค้าระหว่างประเทศขยายตัวมากขึ้น
อยุธยากลายเป็นเมืองท่าใหญ่ของเอเซียแห่งหนึ่ง โดยมีเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศที่กว้างขว้างจากเปอร์เซียถึงจีน ระบบการเมืองและเศรษฐกิจการค้าขยายตัว ระบบเกณฑ์แรงงานเริ่มเสื่อมสลาย ชนชั้นสูงก่อตัวแข็งแรงขึ้น ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทได้นำความคึกคักและพลังใหม่มาสู่ชุมชน
แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือแหลมทองเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์และมีความ หลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ และยังมีลมมรสุมพัดผ่านนำฝนมาตกชุกชุมปีละ 4-6 เดือน กลุ่มภาษาตระกูลไท หรือไตมาจากผู้คนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงที่ถ่อยร่นกระจาย กันลงมาจากการรุกไล่ของกองทัพฮั่น เป็นพวกที่มีความรู้เรื่องการปลูกข้าวและมีความสามารถเรื่องการรบจากการที่ ต้องป้องกันตนเองจากพวกฮั่น กลุ่มมอญ-เขมรที่ตั้งถิ่นฐานมาก่อน บางส่วนก็ถอยร่นขึ้นไปอยู่บนภูเขาสูง กลุ่มอื่นๆก็ยอมอยู่ร่วมกับผู้มาใหม่ที่เป็นผู้นำชาวนาและนักรบ แล้วค่อยๆหัดพูดภาษาไทหรือภาษาไตไปด้วยกัน แม้ว่าจะได้มีกลุ่มต่างๆอพยพเข้ามาในที่ราบลุ่มเจ้าพระยาเป็นระยะๆ แต่ประชากรในย่านนี้ก็ยังเบาบาง แม้พื้นที่ที่ถูกถากถางจะอุดมสมบูรณ์แต่มีสัตว์ร้ายชุกชม รวมทั้งไข้ป่ามาเลเลีย ผู้คนจึงมักตั้งถิ่นฐานตามริมฝั่งแม่น้ำหรือชายฝั่งทะเล บริเวณนี้ส่วนใหญ่จึงยังคงเป็นป่าทึบจนกระทั่งเมื่อ 200-300 ปีมานี้เอง ต่อมาจึงมีผู้อพยพเข้ามาใหม่ มีชาวกะเหรี่ยงเข้ามาตั้งรกรากบนภูเขาทางตะวันตก ชาวมอญที่ลี้ภัยการเมืองข้ามภูเขาเข้ามาทางด้านตะวันตก ชาวจีนอพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 พ่อค้าจีนเข้ามาอยู่ตามชุมชนเขตเมืองท่ารอบๆอ่าวไทย ชาวลาวและชาวกุยหรือพวกส่วยอพยพเข้าสู่ที่ราบสูงโคราชตั้งแต่ปี 2250 จากบริเวณน้ำโขงและที่ราบสูงทางเหนือที่มีชาวลาวภูเขาหรือลาวสูงขยับย้ายลง มาหลังจากพวกจีนฮั่นรุกไล่เข้ามาสู่จีนตอนใต้
สภาวะที่มีประชากรเบาบางทำให้มีการแย่งชิงคน เพราะการตั้งหลักแหล่งต้องการผู้คนเพื่อสร้างเมืองและป้องกันตนเอง ผู้นำต้องการคนช่วยทำนา ทำการค้า สร้างบ้าน ผลิตของมีค่า และเป็นบริวาร ช่วงแรกๆมีการนำทาสมาจากจีนและมลายู มีการทำสงครามแย่งชิงทรัพย์สินและกวาดต้อนคนมาเป็นเชลย จนกระทั่งเมื่อ 100-150 ปีมานี้ก็ยังมีประเพณีตีข่าคือตีราคาพวกชาวเขาที่เรียกว่าข่าหรืออีก้อ เพื่อเสาะแสวงหาทาสและลักพาผู้คนจากชุมชนภูเขาหรือรัฐเพื่อนบ้านเพื่อพาไป ขายตามเมืองในเขตที่ราบลุ่ม มีชุมชนกระจุกตัวกันเป็นกลุ่มๆล้อมรอบเมืองที่เป็นศูนย์กลาง เพื่อปกป้องเมืองจากศัตรู สัตว์ร้ายและโรคภัยไข้เจ็บ ผู้คนต้องส่งส่วยให้เจ้า ส่วนมากจะให้เป็นสิ่งของและบริการด้านแรงงาน แหล่งตั้งถิ่นฐานที่นิยมกันมากคือคุ้งน้ำคดเคี้ยวโดยจะมีการขุดคลองตรงส่วน ที่แคบที่สุดเพื่อสร้างเป็นคูเมืองโดยรอบ
พวกคนไทยที่อยู่ตามที่อยู่ตามเชิงเขาเหนือที่ราบลุ่มเจ้าพระยาก่อตั้งกลุ่ม เมืองที่สุโขทัยโดยพระร่วง ต่อมาตระกูลนี้ย้ายไปพิษณุโลกเพราะป้องกันเมืองได้ง่ายกว่าสุโขทัย ทางด้านล่างของที่ราบลุ่มเจ้าพระยามีเมืองสถาปนาขึ้นใหม่ 4 เมือง คือ เพชรบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรีและอยุธยา ผู้นำที่อยุธยาสามารถเอาชนะเมืองอื่นๆ ซึ่งต้องยอมสวามิภักดิ์ โดยส่งลูกสาวหรือน้องสาวไปรับใช้หรือส่งลูกชายไปเป็นตัวประกัน บางกรณีเมืองใหญ่ก็ยกหญิงสาวสูงศักดิ์ให้ป็นภริยาเจ้าเมืองเล็กโดยให้ทำ หน้าที่สืบข่าวไปด้วย เมืองเล็กต้องส่งบรรณาการเป็นสิ่งของมีค่าหรือหายาก ต่อมาจึงได้กำหนดมาตรฐานเป็นต้นไม้เงินต้นไม้ทอง เจ้าเมืองใหญ่ก็จะรับรองว่าจะปกป้องเมืองเล็กจากศัตรูโดยเมืองเล็กต้องส่ง ทหารไปช่วยรบ ใช้หลักพันธมิตรทางการเมืองเหมือนระบบบรรณาการของจีนที่จักรพรรดิจีนกำหนด ให้รัฐเล็กส่งบรรณาการโดยขอให้จีนรับรองการแต่งตั้งเจ้าของตน จักรพรรดิจีนตอบแทนด้วยการส่งเครื่องสูงไปให้และรับที่จะปกป้องเมืองที่ส่ง บรรณาการ ในทางปฏิบัติจักรพรรดิจีนแทบไม่เคยส่งกองทัพมาปราบเมืองบรรณาการที่กระด้าง กระเดื่องหรือเพื่อปกป้องบ้านเมืองไหนเลย แต่บรรดารัฐเล็กก็โอนอ่อนตามความประสงค์ของจีนเนื่องจากได้ประโยชน์จากการ ค้าขายกับจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด
ในราวพ.ศ. 1900 มีกลุ่มเมืองเกิดขึ้น 4 แห่ง ในบริเวณที่ราบลุ่มเจ้าพระยาได้แก่ ล้านนาหรือเชียงใหม่ ล้านช้างหรืออาณาจักรลาว เมืองเหนือคือพิษณุโลกและสยามคืออยุธยา ที่เริ่มแข่งขันแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่างกัน ก่อสงครามเป็นครั้งคราวเป็นเวลาร่วมร้อยปี พวกเจ้าเกณฑ์ทหารเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น ชุมชนกลายเป็นสังคมทหารที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้น กองทัพขนาดใหญ่รุกไล่ทำลายเมืองและบังคับกวาดต้อนผู้คน ยึดทรัพย์สินมีค่าและพระพุทธรูปไป ทำลายพืชผลที่ปลูกไว้ ทำให้เกิดโรคระบาดกระจายไปทั่ว ลงท้ายไม่มีเมืองใดชนะอย่างชัดเจน จากนั้นสงครามก็เริ่มเบาบางลง
อยุธยาได้อาศัยทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ เพิ่มการค้าทางทะเลพร้อมๆกับการต่อเรือที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจนมีอิทธพล ครอบครองบริเวณด้ามขวานทองรวมทั้งด้านตัวขวาน เพื่อควบคุมสินค้าป่าและสินค้าแปลกที่จีนต้องการ เช่น ไม้หอม งาช้าง นอแรด ขนนกสีสดใส อยุธยาส่งบรรณาการให้จักรพรรดิจีนเป็นอย่างดี จึงเป็นเมืองคู่ค้าที่จีนพอใจ อยุธยาได้เข้าคุมเส้นทางการค้าที่ด้ามขวานทองที่เชื่อมทะเลทั้งสองด้านคือ อ่าวไทยและอันดามัน ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางเดิมที่มีโจรสลัดชุกชุมบริเวณช่องแคบมะละกา อยุธยาจึงร่ำรวยขึ้นเพราะเป็นศูนย์กลางการค้าที่เชื่อมหลายแหล่งตลาดเข้า ด้วยกัน ทั้งด้านตะวันออก อินเดียและอาหรับทางตะวันตก และหมู่เกาะมลายูทางใต้ กลายเป็นศูนย์กลางหนึ่งในสามมหาอำนาจของเอเชียเคียงคู่กับจีนและวิชัยนครของ อินเดีย
อยุธยาแผ่ขยายอำนาจไปยังหัวเมืองทางเหนือโดยอาศัยกลไกทางสังคมและวัฒนธรรม จากความเป็นเมืองมั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางการค้าจึงสามารถซื้อปืนจาก โปรตุเกสและจ้างทหารโปรตุเกสได้ แต่เมืองเหนือมีประชากรมากจึงเกณฑ์ทหารได้มากและเชี่ยวชาญการรบจึงสามารถ ป้องกันตนเองได้ ในภาวะสงครามผู้คนจากเมืองเหนือถูกกวาดต้อนลงไปอยุธยาแต่บางคนก็เข้ามาเอง เพราะเห็นโอกาสในเมืองที่กำลังรุ่งเรือง เจ้านายทางเหนือก็สร้างความสัมพันธ์กับอยุธยาผ่านการแต่งงาน นักรบทางเหนือก็มาเป็นแม่ทัพให้อยุธยา ขุนนางทางเหนือก็เข้ามาตั้งรกรากในอยุธยา พิษณุโลกทำหน้าที่เหมือนเมืองหลวงที่สองและพระมหาธรรมราชาเจ้าเมืองพิษณุโลก ได้ขึ้นครองราชย์แทนกษัตริย์อยุธยาเดิมในปี 2112 ในช่วงที่มีการแข่งขันกับเมืองท่าทางด้านตะวันตก คือ ที่ราบลุ่มอิรวดีมีเมืองหงสาวดีและด้านตะวันออกที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง คือกรุงละแวกของเขมรอยู่ทางเหนือของพนมเป็ญที่ย้ายจากนครวัตซึ่งถูกปล่อย ทิ้งร้าง โดยกษัตริย์ทั้งสามอาณาจักรต่างแก่งแย่งกันเป็นใหญ่เพราะต่างก็มั่งคั่งร่ำ รวยจากการค้าและยังสามารถเกณฑ์ทหารได้จากบ้านป่าในแผ่นดินใหญ่พร้อมทั้งจ้าง ทหารรับจ้างชาวต่างประเทศ วัดวาอารามก็เต็มไปด้วยพระพุทธรูปและทองที่ได้มาจากการรุกรานเพื่อนบ้าน
สยามได้ยกทัพไปโจมตีละแวกเมืองหลวงของเขมรจนราบเรียบและแต่งตั้งกษัตริย์ เขมรที่ยอมสยบต่ออยุธยา หงสาวดีซึ่งได้เปรียบกว่าเพราะคุมเมืองท่าตะวันตกที่เป็นแหล่งที่มาของปืน ใหญ่และทหารรับจ้างจากโปรตุเกสได้เรียกร้องให้สยามยอมรับสภาพเป็นเมืองขึ้น โดยร่วมมือกับฝ่ายเหนือคือพิษณุโลกและยึดอยุธยาได้เมื่อ พ.ศ. 2112 หงสาวดีได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งช่างฝีมือ พระพุทธรูปและทรัพย์สินมากมาย ยึดเอาช้างและเครื่องบรรณาการอันมีค่าและจับสมาชิกราชวงศ์ไปเป็นคนรับใช้และ ตัวประกัน แต่การจะครอบครองเมืองที่อยู่ห่างไกลและมีวัฒนธรรมที่แตกต่างเป็นไปได้ยาก อิทธิพลของสยามต่อเขมรก็เริ่มเสื่อมถอยเมื่อญวนผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่ง ขณะที่พระนเรศวรที่หงสาวดีจับเป็นตัวประกันได้หนีจากการควบคุมและประกาศไม่ ขึ้นต่อหงสาวดี โดยใช้เวลา 15 ปี ตลอดการขึ้นครองราชย์ทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากพม่าเพื่อสถาปนาอยุธยาให้ เป็นใหญ่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอีกครั้ง..........
อ่านต่อโพสหน้า
The Fact of Thai Race in Thailand
ที่มาของรัฐชาติไทยหรือประเทศไทย
จอมพล ป. ได้เปลี่ยนชื่อประเทศสยามมาเป็นประเทศไทยเมื่อปี 2482 ขณะที่ประเทศไทยเริ่มก่อตัวเป็นประเทศขึ้นมาในช่วง 200 กว่าปีมานี้เอง โดยมีการปักปันเขตแดนเมื่อปี 2430-2452
ชุมชนบนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามีวิวัฒนาการมาหลายร้อยปีก่อนหน้านั้น เป็นภูมิประเทศเขตร้อนชื้น ผู้คนตั้งรกรากเป็นกลุ่มๆตามเมืองใหญ่ มีเจ้าครอบครองเป็นความสัมพันธ์แบบนายกับบ่าว มียุคสมัยของสงครามร่วม 400 ปี จากตั้งแต่ราว พศ. 1650 ถึง 2050 ที่มีการรบพุ่งกันบ่อยครั้ง เป็นยุคที่ระบอบกษัตริย์ชายชาติทหารได้มีอำนาจยิ่งใหญ่โดยได้รับการหนุนช่วย ด้วยพิธีกรรมลัทธิพราหมณ์ สร้างความมั่งคั่งจากการค้าต่างแดนและระบบเกณฑ์แรงงานเพื่อการสงคราม แต่หลังจาก พ.ศ. 2100 ทั้งภูมิภาคเริ่มสงบร่มเย็น การค้าระหว่างประเทศขยายตัวมากขึ้น
อยุธยากลายเป็นเมืองท่าใหญ่ของเอเซียแห่งหนึ่ง โดยมีเครือข่ายการค้าระหว่างประเทศที่กว้างขว้างจากเปอร์เซียถึงจีน ระบบการเมืองและเศรษฐกิจการค้าขยายตัว ระบบเกณฑ์แรงงานเริ่มเสื่อมสลาย ชนชั้นสูงก่อตัวแข็งแรงขึ้น ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทได้นำความคึกคักและพลังใหม่มาสู่ชุมชน
แผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือแหลมทองเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์และมีความ หลากหลายทางชีวภาพแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ และยังมีลมมรสุมพัดผ่านนำฝนมาตกชุกชุมปีละ 4-6 เดือน กลุ่มภาษาตระกูลไท หรือไตมาจากผู้คนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซีเกียงที่ถ่อยร่นกระจาย กันลงมาจากการรุกไล่ของกองทัพฮั่น เป็นพวกที่มีความรู้เรื่องการปลูกข้าวและมีความสามารถเรื่องการรบจากการที่ ต้องป้องกันตนเองจากพวกฮั่น กลุ่มมอญ-เขมรที่ตั้งถิ่นฐานมาก่อน บางส่วนก็ถอยร่นขึ้นไปอยู่บนภูเขาสูง กลุ่มอื่นๆก็ยอมอยู่ร่วมกับผู้มาใหม่ที่เป็นผู้นำชาวนาและนักรบ แล้วค่อยๆหัดพูดภาษาไทหรือภาษาไตไปด้วยกัน แม้ว่าจะได้มีกลุ่มต่างๆอพยพเข้ามาในที่ราบลุ่มเจ้าพระยาเป็นระยะๆ แต่ประชากรในย่านนี้ก็ยังเบาบาง แม้พื้นที่ที่ถูกถากถางจะอุดมสมบูรณ์แต่มีสัตว์ร้ายชุกชม รวมทั้งไข้ป่ามาเลเลีย ผู้คนจึงมักตั้งถิ่นฐานตามริมฝั่งแม่น้ำหรือชายฝั่งทะเล บริเวณนี้ส่วนใหญ่จึงยังคงเป็นป่าทึบจนกระทั่งเมื่อ 200-300 ปีมานี้เอง ต่อมาจึงมีผู้อพยพเข้ามาใหม่ มีชาวกะเหรี่ยงเข้ามาตั้งรกรากบนภูเขาทางตะวันตก ชาวมอญที่ลี้ภัยการเมืองข้ามภูเขาเข้ามาทางด้านตะวันตก ชาวจีนอพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 พ่อค้าจีนเข้ามาอยู่ตามชุมชนเขตเมืองท่ารอบๆอ่าวไทย ชาวลาวและชาวกุยหรือพวกส่วยอพยพเข้าสู่ที่ราบสูงโคราชตั้งแต่ปี 2250 จากบริเวณน้ำโขงและที่ราบสูงทางเหนือที่มีชาวลาวภูเขาหรือลาวสูงขยับย้ายลง มาหลังจากพวกจีนฮั่นรุกไล่เข้ามาสู่จีนตอนใต้
สภาวะที่มีประชากรเบาบางทำให้มีการแย่งชิงคน เพราะการตั้งหลักแหล่งต้องการผู้คนเพื่อสร้างเมืองและป้องกันตนเอง ผู้นำต้องการคนช่วยทำนา ทำการค้า สร้างบ้าน ผลิตของมีค่า และเป็นบริวาร ช่วงแรกๆมีการนำทาสมาจากจีนและมลายู มีการทำสงครามแย่งชิงทรัพย์สินและกวาดต้อนคนมาเป็นเชลย จนกระทั่งเมื่อ 100-150 ปีมานี้ก็ยังมีประเพณีตีข่าคือตีราคาพวกชาวเขาที่เรียกว่าข่าหรืออีก้อ เพื่อเสาะแสวงหาทาสและลักพาผู้คนจากชุมชนภูเขาหรือรัฐเพื่อนบ้านเพื่อพาไป ขายตามเมืองในเขตที่ราบลุ่ม มีชุมชนกระจุกตัวกันเป็นกลุ่มๆล้อมรอบเมืองที่เป็นศูนย์กลาง เพื่อปกป้องเมืองจากศัตรู สัตว์ร้ายและโรคภัยไข้เจ็บ ผู้คนต้องส่งส่วยให้เจ้า ส่วนมากจะให้เป็นสิ่งของและบริการด้านแรงงาน แหล่งตั้งถิ่นฐานที่นิยมกันมากคือคุ้งน้ำคดเคี้ยวโดยจะมีการขุดคลองตรงส่วน ที่แคบที่สุดเพื่อสร้างเป็นคูเมืองโดยรอบ
พวกคนไทยที่อยู่ตามที่อยู่ตามเชิงเขาเหนือที่ราบลุ่มเจ้าพระยาก่อตั้งกลุ่ม เมืองที่สุโขทัยโดยพระร่วง ต่อมาตระกูลนี้ย้ายไปพิษณุโลกเพราะป้องกันเมืองได้ง่ายกว่าสุโขทัย ทางด้านล่างของที่ราบลุ่มเจ้าพระยามีเมืองสถาปนาขึ้นใหม่ 4 เมือง คือ เพชรบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรีและอยุธยา ผู้นำที่อยุธยาสามารถเอาชนะเมืองอื่นๆ ซึ่งต้องยอมสวามิภักดิ์ โดยส่งลูกสาวหรือน้องสาวไปรับใช้หรือส่งลูกชายไปเป็นตัวประกัน บางกรณีเมืองใหญ่ก็ยกหญิงสาวสูงศักดิ์ให้ป็นภริยาเจ้าเมืองเล็กโดยให้ทำ หน้าที่สืบข่าวไปด้วย เมืองเล็กต้องส่งบรรณาการเป็นสิ่งของมีค่าหรือหายาก ต่อมาจึงได้กำหนดมาตรฐานเป็นต้นไม้เงินต้นไม้ทอง เจ้าเมืองใหญ่ก็จะรับรองว่าจะปกป้องเมืองเล็กจากศัตรูโดยเมืองเล็กต้องส่ง ทหารไปช่วยรบ ใช้หลักพันธมิตรทางการเมืองเหมือนระบบบรรณาการของจีนที่จักรพรรดิจีนกำหนด ให้รัฐเล็กส่งบรรณาการโดยขอให้จีนรับรองการแต่งตั้งเจ้าของตน จักรพรรดิจีนตอบแทนด้วยการส่งเครื่องสูงไปให้และรับที่จะปกป้องเมืองที่ส่ง บรรณาการ ในทางปฏิบัติจักรพรรดิจีนแทบไม่เคยส่งกองทัพมาปราบเมืองบรรณาการที่กระด้าง กระเดื่องหรือเพื่อปกป้องบ้านเมืองไหนเลย แต่บรรดารัฐเล็กก็โอนอ่อนตามความประสงค์ของจีนเนื่องจากได้ประโยชน์จากการ ค้าขายกับจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด
ในราวพ.ศ. 1900 มีกลุ่มเมืองเกิดขึ้น 4 แห่ง ในบริเวณที่ราบลุ่มเจ้าพระยาได้แก่ ล้านนาหรือเชียงใหม่ ล้านช้างหรืออาณาจักรลาว เมืองเหนือคือพิษณุโลกและสยามคืออยุธยา ที่เริ่มแข่งขันแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่างกัน ก่อสงครามเป็นครั้งคราวเป็นเวลาร่วมร้อยปี พวกเจ้าเกณฑ์ทหารเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น ชุมชนกลายเป็นสังคมทหารที่มีบทบาทสำคัญมากขึ้น กองทัพขนาดใหญ่รุกไล่ทำลายเมืองและบังคับกวาดต้อนผู้คน ยึดทรัพย์สินมีค่าและพระพุทธรูปไป ทำลายพืชผลที่ปลูกไว้ ทำให้เกิดโรคระบาดกระจายไปทั่ว ลงท้ายไม่มีเมืองใดชนะอย่างชัดเจน จากนั้นสงครามก็เริ่มเบาบางลง
อยุธยาได้อาศัยทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ เพิ่มการค้าทางทะเลพร้อมๆกับการต่อเรือที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจนมีอิทธพล ครอบครองบริเวณด้ามขวานทองรวมทั้งด้านตัวขวาน เพื่อควบคุมสินค้าป่าและสินค้าแปลกที่จีนต้องการ เช่น ไม้หอม งาช้าง นอแรด ขนนกสีสดใส อยุธยาส่งบรรณาการให้จักรพรรดิจีนเป็นอย่างดี จึงเป็นเมืองคู่ค้าที่จีนพอใจ อยุธยาได้เข้าคุมเส้นทางการค้าที่ด้ามขวานทองที่เชื่อมทะเลทั้งสองด้านคือ อ่าวไทยและอันดามัน ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางเดิมที่มีโจรสลัดชุกชุมบริเวณช่องแคบมะละกา อยุธยาจึงร่ำรวยขึ้นเพราะเป็นศูนย์กลางการค้าที่เชื่อมหลายแหล่งตลาดเข้า ด้วยกัน ทั้งด้านตะวันออก อินเดียและอาหรับทางตะวันตก และหมู่เกาะมลายูทางใต้ กลายเป็นศูนย์กลางหนึ่งในสามมหาอำนาจของเอเชียเคียงคู่กับจีนและวิชัยนครของ อินเดีย
อยุธยาแผ่ขยายอำนาจไปยังหัวเมืองทางเหนือโดยอาศัยกลไกทางสังคมและวัฒนธรรม จากความเป็นเมืองมั่งคั่งและเป็นศูนย์กลางการค้าจึงสามารถซื้อปืนจาก โปรตุเกสและจ้างทหารโปรตุเกสได้ แต่เมืองเหนือมีประชากรมากจึงเกณฑ์ทหารได้มากและเชี่ยวชาญการรบจึงสามารถ ป้องกันตนเองได้ ในภาวะสงครามผู้คนจากเมืองเหนือถูกกวาดต้อนลงไปอยุธยาแต่บางคนก็เข้ามาเอง เพราะเห็นโอกาสในเมืองที่กำลังรุ่งเรือง เจ้านายทางเหนือก็สร้างความสัมพันธ์กับอยุธยาผ่านการแต่งงาน นักรบทางเหนือก็มาเป็นแม่ทัพให้อยุธยา ขุนนางทางเหนือก็เข้ามาตั้งรกรากในอยุธยา พิษณุโลกทำหน้าที่เหมือนเมืองหลวงที่สองและพระมหาธรรมราชาเจ้าเมืองพิษณุโลก ได้ขึ้นครองราชย์แทนกษัตริย์อยุธยาเดิมในปี 2112 ในช่วงที่มีการแข่งขันกับเมืองท่าทางด้านตะวันตก คือ ที่ราบลุ่มอิรวดีมีเมืองหงสาวดีและด้านตะวันออกที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง คือกรุงละแวกของเขมรอยู่ทางเหนือของพนมเป็ญที่ย้ายจากนครวัตซึ่งถูกปล่อย ทิ้งร้าง โดยกษัตริย์ทั้งสามอาณาจักรต่างแก่งแย่งกันเป็นใหญ่เพราะต่างก็มั่งคั่งร่ำ รวยจากการค้าและยังสามารถเกณฑ์ทหารได้จากบ้านป่าในแผ่นดินใหญ่พร้อมทั้งจ้าง ทหารรับจ้างชาวต่างประเทศ วัดวาอารามก็เต็มไปด้วยพระพุทธรูปและทองที่ได้มาจากการรุกรานเพื่อนบ้าน
สยามได้ยกทัพไปโจมตีละแวกเมืองหลวงของเขมรจนราบเรียบและแต่งตั้งกษัตริย์ เขมรที่ยอมสยบต่ออยุธยา หงสาวดีซึ่งได้เปรียบกว่าเพราะคุมเมืองท่าตะวันตกที่เป็นแหล่งที่มาของปืน ใหญ่และทหารรับจ้างจากโปรตุเกสได้เรียกร้องให้สยามยอมรับสภาพเป็นเมืองขึ้น โดยร่วมมือกับฝ่ายเหนือคือพิษณุโลกและยึดอยุธยาได้เมื่อ พ.ศ. 2112 หงสาวดีได้กวาดต้อนผู้คนไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งช่างฝีมือ พระพุทธรูปและทรัพย์สินมากมาย ยึดเอาช้างและเครื่องบรรณาการอันมีค่าและจับสมาชิกราชวงศ์ไปเป็นคนรับใช้และ ตัวประกัน แต่การจะครอบครองเมืองที่อยู่ห่างไกลและมีวัฒนธรรมที่แตกต่างเป็นไปได้ยาก อิทธิพลของสยามต่อเขมรก็เริ่มเสื่อมถอยเมื่อญวนผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่ง ขณะที่พระนเรศวรที่หงสาวดีจับเป็นตัวประกันได้หนีจากการควบคุมและประกาศไม่ ขึ้นต่อหงสาวดี โดยใช้เวลา 15 ปี ตลอดการขึ้นครองราชย์ทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากพม่าเพื่อสถาปนาอยุธยาให้ เป็นใหญ่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอีกครั้ง..........
อ่านต่อโพสหน้า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น