You can replace this text by going to "Layout" and then "Edit HTML" section. A welcome message will look lovely here.
RSS

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

20 วิธีหากินของเจ้า

เจาะลึก
20 วิธีหากินของเจ้า
รวยที่สุดแต่ไม่เคยพอเพียง
โดย สาวนาตาคม
ฐานะนำของทุนกษัตริย์และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ครอบคลุมเครือข่ายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและชีวิตประชาชนคนไทยในทุกด้าน จึงกล่าวได้ว่า ประชาชนไทย 67 ล้านคน นักท่องเที่ยว 15-20 ล้านคน และชาวต่างชาตินอกประเทศ ได้กลายเป็นผู้เสียเงินซื้อสินค้าบริการและบริจาค ให้กับเครือข่ายสำนักงานทรัพย์สินฯ ทั้งสิ้น ภายใต้โครงข่ายธุรกิจต่างๆ กว่า 3,000 บริษัท และวิธีการหากินมากกว่า20 หมวดวิธีการ คือ
วิธีหากินหมวดที่ 1 การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
บริษัทนอมินีจดทะเบียนที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพื่อฟอกเงินและอำพรางตัวตนผู้ถือหุ้น หลีกเลี่ยงภาษี ก่อนส่งไปฝากสถาบันการเงินที่สวิสเซอร์แลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา
บริษัท ทุนลัดดาวัลย์ ถือหุ้นในหลายธุรกิจแบบผูกขาดในตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจตามธนาคารต่างๆโดยมี พล.อ.เปรม นายสุเมธ และองคมนตรี เป็นประธานบริษัทในหลายบริษัท มีบริษัทในเครือที่กองทุนลัดดาวัลย์ถือหุ้นกว่าร้อยบริษัท มีการถ่ายเทเงินกำไรด้วยวิธีบริจาคเพื่อการกุศลไปยังมูลนิธิในสังกัด ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี
กองทุนลดาวัลย์ นั้น ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์เป็นผู้ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นเพื่อการลงทุนในทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ทั่วโลก เพื่ออำพรางนาม “ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” หรือนามพระราชวงศ์ได้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจำนวนมากและที่สำคัญนำไปร่วมถือหุ้นในเทมาเส็กของสิงคโปร์เพื่อเก็งกำไรและหารายได้จากทุนนิยมโลก ยังได้ส่ง ชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทปูนซีเมนต์ไทย ซึ่งเป็นมือหาเงินของสำนักงานทรัพย์สินฯ และราชวงศ์ไปเป็นกรรมการเทมาเส็ก
และเป็นตัวประสานการเข้ามาซื้อหุ้นชินคอร์ปของเทมาเส็ก โดยร่วมประสานกับพงศ์ สารสิน พี่ชายอาสา สารสิน เลขานุการสำนักพระราชวัง ตั้งกองทุนกุหลาบแก้วซึ่งเป็นของสำนักงานทรัพย์สินฯ และพระราชวงศ์เพื่อร่วมซื้อหุ้นชินคอร์ปให้มีสัดส่วนมากขึ้นไปอีก เพราะต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด มีอำนาจในการโหวตสูงสุด แต่กลับโจมตีว่าเจ้าของหุ้นเดิมขายชินคอร์ปเป็นการขายชาติ และอายัดเงินทั้งหมด
บริษัท ศรีปวิธ ทำธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ได้ร่วมทุนกับธุรกิจอื่นในตลาดหลักทรัพย์แบบมีเงื่อนไขพิเศษ
บริษัท ฟูจิซีรอกซ์ มีนายอัสนีย์ ปราโมช องคมนตรี เป็นประธาน โดยให้บริษัท ศรีปวิธ ถือหุ้นอีกทอดหนึ่ง
บริษัท ซีด้า โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทที่ตั้งมาเฉพาะกิจ ถือหุ้นนอมินีหลีกเลี่ยงภาษี
บริษัท สินทรัพย์ไทย จัดตั้งเพื่อการลงทุนกับธุรกิจการเงิน การธนาคาร และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีไทยพาณิชย์ถือหุ้นใหญ่อีกทอดหนึ่ง
บริษัท กุหลาบแก้ว นอมินีอีกบริษัทหนึ่ง ในการถ่ายเทหุ้นการทำธุรกิจฟอกเงินหลบเลี่ยงภาษี โดยมีพงษ์ สารสิน เป็นประธาน
บริษัท รอยัล เซรามิคส์ เครือซีเมนต์ไทยเทคโอเวอร์ ในยุค คมช. ที่ออกกฎหมายการซื้อหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี
บริษัท รอยัล พอร์ซเลน มหาชน จำกัด เป็นบริษัทในเครือ แต่บริหารขาดทุน ก็ให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เทคโอเวอร์ไปในราคาแพง ฉกชิงเอาผลกำไรจากกองทุน กบข. ไป ซึ่งถือเป็นการหากินกับเงินสะสมของข้าราชการประจำและข้าราชการเกษียณ
วิธีหากินหมวดที่ 2 การธนาคารและประกันภัย
ธนาคารไทยพาณิชย์มีสำนักงานทรัพย์สินถือหุ้นใหญ่ เป็นธนาคารที่สามารถให้รัฐบาลออกระเบียบให้ธนาคารอื่นกู้เงินของตนด้วยดอกเบี้ยที่แพงกว่าสถาบันการเงินต่างประเทศ หากรัฐบาลกู้เงินจากธนาคารนี้ก็ต้องเอาดอกเบี้ยจากภาษีอากรของประชาชนไปจ่ายให้ธนาคารแห่งนี้ การปล่อยกู้กับธุรกิจบ้านจัดสรรเอกชนสามารถกำหนดให้ผู้กู้ใช้วัสดุก่อสร้างในเครือซีเมนต์ไทย และใช้บริษัทในเครือด้วย
ในช่วง คมช. ยึดอำนาจ มีการออกกฎหมายให้ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทสามัคคีประกันภัย ไทยเศรษฐกิจประกันภัย และบริษัทไฟแนนซ์อีกหลายแห่งโดยไม่เสียภาษี
ซึ่งอิทธิพลของธนาคารไทยพาณิชย์ กับธนาคารทหารไทย ยังผูกขาดและขัดขวางการขยายสาขาของธนาคารอื่นๆ ในสนามบินสุวรรณภูมิ สถาบันการศึกษา และศูนย์การค้าที่สำคัญอีกด้วย
ธนาคารนครธน ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยธนุ ต่างมีหุ้นสำนักงานทรัพย์สินฯทั้งสิ้น
เทเวศร์ประกันภัย ตั้งขึ้นมาผูกขาดการประกันภัยของรัฐบาล ดังข้อมูลจากในเวปไซต์ของบริษัทดังต่อไปนี้
“ก่อนหน้าปี พ.ศ. 2489 รัฐบาลไทย โดยกระทรวงการคลังต้องรับภาระจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยองค์การ ต่างๆ ของรัฐบาลให้แก่บริษัทประกันภัยปีหนึ่ง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่น่าจะรับการแก้ไข โดยให้หน่วยงานของรัฐบาลจัดตั้งบริษัทประกันภัยขึ้นมาเสียเอง ดังนั้น นายวิจิตร ลุลิตานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในสมัยนั้น จึงได้แจ้งนโยบายพิเศษให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จัดตั้งบริษัทประกันภัยขึ้นมา โดยเจตนารมย์ที่แจ้งเป็นวัตถุประสงค์ไว้ในการประชุม “คณะกรรมการที่ปรึกษาจัดระเบียบทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์” ครั้งที่ 9/2489 วันที่ 16 กันยายน 2489 ว่า "เพื่อรัฐบาลจะได้ประกันภัยองค์การของรัฐบาลไว้กับบริษัทนี้ ซึ่งเท่ากับเป็นส่วนหนึ่งขององค์การรัฐบาล ก็จะเป็นการช่วยรายจ่ายของรัฐบาลได้อย่างมากส่วนหนึ่ง”
อีก 28 วันต่อมา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2489 นายวิจิตร ลุลิตานนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการจัดตั้งบริษัทประกันภัยตามนโยบายพิเศษที่ได้ให้แก่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไว้แล้ว และให้การรับรองชื่อบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด ตามที่นายปราโมทย์ พึ่งสุนทรผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นผู้เสนอ
บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2490 โดยมีพนักงานเพียง 5 คนทำงานเป็นเสมือนหน่วยงานส่วนหนึ่งของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ณ อาคารเลขที่ 173 วังลดาวัลย์ ถนนราชสีมาเหนือ เทเวศร์ กรุงเทพฯ ......”
อนึ่ง บริษัทนี้เก็บค่าประกันความเสี่ยงภัยต่อหัวสูงมาก มีการเหมาการประกันชีวิตทหารในกองทัพทั้งหมด มีการให้กระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมเอาเงินประกันสังคมส่งเป็นค่าประกันภัยแบบเหมาช่วงในรูปแบบต่างๆ และยังให้กระทรวงแรงงานจ่ายค่าบริหารจัดการให้กับบริษัทนี้ด้วย
บริษัทสยามสินธร มีพลเอกพิจิตร กุลวาณิชย์ องคมนตรี เป็นประธานบริษัท ไปจดทะเบียนที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น เพื่อฟอกเงินเลี่ยงภาษีและถ่ายเทธุรกรรมทางการเงิน บริษัทนี้มีธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้นเป็นหลักจึงมีการโยกย้ายบัญชีเงินฝากของราชวงศ์ไปเกาะแห่งนี้
วิธีหากินหมวดที่ 3 การก่อสร้างและค้าวัสดุก่อสร้าง
ปูนซีเมนต์ไทย เป็นบริษัทที่ผูกขาดปูนซีเมนต์กว่า 80% ของตลาด และผูกขาดวัสดุก่อสร้างทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องมุงหลังคา ท่อพลาสติก ท่อแอสเบสตอสซีเมนต์ เสาตอม่อ เสาไฟฟ้า เสาเข็ม ท่อคอนกรีตบล็อก อิฐทนไฟ กระเบื้องยาง ฯลฯ ได้จัดตั้งเครือข่ายเข้าล็อกสเปกการก่อสร้างผ่านสมาคมสถาปนิกสยามและสมาคมวิศวกร ล็อบบี้การใช้วัสดุก่อสร้างของหน่วยงานราชการที่ใช้ปูนและเหล็กจำนวนมากเป็นส่วนประกอบ เช่น การสร้างเขื่อน ถนน ทางด่วน อุโมงค์ใต้ดิน บ้างก็ผ่านบริษัทลูก เช่น บริษัท ค้าสากลซีเมนต์(ถือหุ้น 70%) บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม บริษัท เยื่อกระดาษสยาม ฯลฯ
บริษัท ผาแดง อินดัสตรีย์ จำกัด มหาชน มีตระกูลสารสิน เป็นผู้บริหาร ได้เหมาการทำเหมืองแร่สังกะสีที่จังหวัดตากเพียงรายเดียวในประเทศไทย และผูกขาดมากกว่า 60 ปี
ทุ่งคาฮาเบอร์ (ถือหุ้น30%) ทำธุรกิจเหมืองแร่ดีบุกในทะเล เหมืองหินแอนดีไซท์
บริษัท สีทีโอเอ ดำเนินการล็อกสเปกการใช้สีและวัสดุก่อสร้างต่างๆ ประสานกันกับปูนซีเมนต์ไทย
บริษัท วังสถาปัตย์ เข้าผูกขาดงานบูรณะโบราณสถานจากกรมศิลปากรทั่วประเทศ
บริษัท คริสเตียนนี่ เนลสัน ดำเนินการการสร้างอาคาร ศูนย์ราชการขนาดใหญ่ เข้าล็อกสเปกสร้างส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิและรถไฟใต้ดิน การสร้างอาคารของหน่วยทหารทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น
บริษัท สัมมากรก่อสร้าง ดำเนินการตระเวนรับงานก่อสร้างในหน่วยงานราชการท้องถิ่นทั่วประเทศ มีการล็อกสเปกในส่วนของบริษัทที่ปรึกษาด้านการก่อสร้างของหน่วยราชการท้องถิ่น
บริษัท ศรีปวิธก่อสร้าง เป็นบริษัทที่ตั้งขึ้นสำหรับรับงานก่อสร้างในโครงการของกรมชลประทานและโรงพยาบาล
บริษัท สยามบรรจุภัณฑ์ (ถือหุ้น 58%) ผู้ผลิตและให้บริการผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูก แบบครบวงจร รายใหญ่ที่สุด
บริษัท เหล็กสยาม เป็นบริษัทเหล็กเส้นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ผูกขาดการขายเหล็กเส้นทั่วประเทศ
บริษัท เหล็กสหวิริยา ขยายโรงงานเหล็กที่บางสะพาน จ. ประจวบคีรีขันธ์ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากประชาชนเรื่องมลพิษ และยังให้อันธพาลรุมทำร้ายประชาชนอย่างต่อเนื่อง
บริษัทศรีมหา บริษัทอุตสาหกรรมทำเครื่องแก้ว บริษัทหินอ่อน บริษัทสยามเคมี บริษัทยางสยาม บริษัท ไทยเทโรกราฟฟิคซีสเต็ม บริษัท ไทยลิฟท์ อินดิสตรี บริษัทเยื่อกระดาษสยาม ล้วนมีสำนักงานทรัพย์สินฯ เข้าถือหุ้นอยู่
วิธีหากินหมวดที่ 4 การครอบงำธุรกิจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์
บริษัท วังสถาปัตย์ ทำหน้าที่รับเช่าช่วงเก็บค่าเช่าที่และอาคารในย่านโบ้เบ้ จตุจักร ราชประสงค์ ประตูน้ำสีลม สยามสแควร์ ผูกขาดการเช่าเหมาที่ดินรัฐ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ในกรุงเทพฯ มีการเช่าที่ดินการรถไฟแล้วให้องค์การรถไฟฟ้ามหานครและบริษัทเอกชนเช่าช่วงต่อ ในต่างจังหวัด เช่าเหมาที่ดินราชพัสดุและที่ดินของกรมธนารักษ์ จากนั้นก็นำไปให้หน่วยงานราชการท้องถิ่นเช่าต่ออีกทอดหนึ่งในราคาที่แพง
บริษัท ทุนลัดดาวัลย์ ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้หน่วยราชการเช่าอาคาร เช่น อาคารย่านถนนวิทยุสีลม พหลโยธิน รัชดา อาคารบางแห่งผิดระเบียบสำนักงานโยธากรุงเทพมหานคร และกระทำเช่นเดียวกันในต่างจังหวัดด้วย
บริษัท วังสินทรัพย์ ให้ กทม. เช่าที่ทำสวนสาธารณะ เหมาเช่าที่การรถไฟให้เช่าช่วงบริเวณสถานีรถไฟแหล่งที่เจริญแล้วทั่วประเทศ รวมทั้งหัวลำโพงด้วย
บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) บริษัท นันทวัน บริษัท ธนันดร บริษัท อเมริกัน แอพเพรซัล ก็มีสำนักงานทรัพย์สินฯ ถือหุ้นส่วนอยู่
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีที่ดินจำนวนมากในย่านธุรกิจในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด เปิดให้เอกชนเช่าที่ดินมากกว่า 30,000 สัญญา เปิดให้หน่วยทหารกว่าร้อยแห่งทั่วประเทศเช่าที่เป็นค่ายทหาร และให้หน่วยราชการเช่าที่ในราคาสูง รวมทั้งเก็บค่าเช่าจากชาวนาในราคาแพง แม้จะถูกน้ำท่วมผลผลิตเสียหาย ก็ยังเก็บค่าเช่า รวมถึงให้กรมชลประทานเช่าที่หลายพันไร่ ในการผันน้ำตามโครงการแก้มลิงในบริเวณ จ. สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชานเมืองกรุงเทพฯ
บริษัท ธนาคมและการพัฒนา จำกัด ร่วมกับบริษัทก่อสร้าง บุญชัยพาณิชย์ ดำเนินการก่อสร้างโครงการทางยกระดับถนนบรมราชชนนี เพื่อผ่านไปยังที่ดินของศักดินาในย่านตลิ่งชันและพุทธมณฑล แถมได้ภาพลักษณ์เหมือนเป็นถนนของศักดินา แต่ทั้งหมดใช้เงินภาษีของคนกรุงเทพฯ กว่า 5,000 ล้านบาท ใช้เหล็กและปูนซีเมนต์ของบริษัทในเครือสำนักงานทรัพย์สินฯ
บริษัท อิตัลไทย/บริษัท พรีมัส (ประเทศไทย) เข้าจัดการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือสำนักงานทรัพย์สินฯ
โครงการถนนราชพฤกษ์ ผ่านโครงการบ้านจัดสรร กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ และเนเชอร์รัล ที่มีธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้น
โครงการถนนนครอินทร์ ผ่านโครงการบ้านจัดสรรในเครือเช่นเดียวกัน โดยยุบโครงการบ้านเอื้ออาทรในบริเวณถนนดังกล่าว เพื่อสร้างบ้านสัมมากรขึ้นแทน
โครงการทางด่วน บางพูน บางไทร เป็นถนนลงในที่ดินของกลุ่มศักดินาจำนวนมาก ทั้งๆ ที่ในบริเวณที่ถนนตัดผ่านมีประชาชนเบาบางอย่างยิ่ง
วิธีหากินหมวดที่ 5 การครอบงำธุรกิจการโรงแรมและธุรกิจการบิน
เครือโรงแรมรอยัล ฮิลตัน และไมเนอร์ มีโรงแรมในกรุงเทพและต่างจังหวัดกว่า 50 แห่ง ล็อกสเปกให้หน่วยราชการและรัฐบาลจัดประชุม สัมมนาและเข้าพัก รวมทั้งการจัดประชุมในระดับนานาชาติในโรงแรมเหล่านี้ โรงแรมบางแห่งสร้างในที่สาธารณะ บางแห่งรุกเข้าไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ผูกขาดธุรกิจการท่องเที่ยวตามลำน้ำ และการประชุมนานาชาติ
บริษัท นกแอร์ มีหุ้นของศักดินากว่า 50 เปอร์เซ็นต์ มีลูกชายนายอาสา สารสิน เป็นประธานบริษัท ในสมัย คมช. มีการใช้อิทธิพลซื้อเครื่องบินที่มีสภาพดีของการบินไทยในราคาถูก ส่วนการบินไทยต้องซื้อเครือบินลำใหม่ในราคาแพง และยังบินซ้ำซ้อนกับการบินไทย รวมทั้งตัดเอาเส้นทางบินที่ได้กำไรไปให้นกแอร์ จนในที่สุดการบินไทยต้องประสบกับภาวะขาดทุน
บริษัท โรงแรมราชดำริ จำกัด (มหาชน) ปี 2526 ได้เปิดโรงแรมแห่งแรกบนถนนราชดำริบนที่ดินซึ่งเช่าจากสำนักงานพระคลังข้างที่ ชื่อโรงแรมบางกอกเพนนินซูล่า โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ ต่อมาในปี 2528 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงแรมรีเจนท์กรุงเทพฯปี 2546 ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็นโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ
มีผู้ถือหุ้นสำคัญ ณ วันที่ 07 เมษายน 2548 คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจำนวนหุ้นที่ทรงถือ 1,562,500คิดเป็นร้อยละ 3.47 และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒ จำนวนหุ้นที่ทรงถือ 675,000 คิดเป็นร้อยละ 1.50
สหโรงแรมการท่องเที่ยว ดุสิตธานี บางกอกอินเตอร์คอนติแนนตัล รอยัลออร์คิด ดอนเมืองอินเตอร์เนชั่นแนล แสนสุรัตน์ และนราธิวาสธานี ล้วนเป็นธุรกิจการโรงแรมที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เข้าถือหุ้นทั้งสิ้น
วิธีหากินหมวดที่ 6 การซื้ออาวุธและการหากินกับทหาร
สำนักงานทรัพย์สินฯ ส่งทุนไปจดทะเบียนบริษัทต่างๆ ในเครือข่ายการค้าอาวุธ ผ่านตระกูลพัฒโนดม วัชโรทัย และสารสิน ที่อเมริกา อังกฤษ เป็นนายหน้าขายอาวุธให้กับกองทุนทัพไทยในราคาแพง ค่าคอมมิชชั่นจะนำส่งไปยังผู้มีอำนาจโดยตรงทุกครั้ง
การซื้อเรือรบจักรีนฤเบศ เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาซึ่งวิกฤติทางการเงินในปี 2540 ที่รัฐบาล พล.อ.ชวลิตต้อง สวอปค่าเงินเพื่อค้ำประกันการชำระเงินค่าเรือ
การซื้อเครื่องบิน ตระกูล F จากบริษัท ฟอลคอน อินคอปเปอเรชั่น (Falcon Incorporation USA) ผู้มีอำนาจจะได้รับประโยชน์ด้วยทุกครั้ง
ที่ตั้งค่ายทหารรักษาพระองค์กว่า 60 แห่งทั่วประเทศ ต้องเช่าที่ดินและจ้างบริษัทก่อสร้างผ่านบริษัทสัมมากร งบประมาณของกองทัพจำนวนมาก หมดไปกับค่าเช่าที่ดินและการก่อสร้างอาคารใหม่ และค่าบำรุงรักษาปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเก่า
วิธีหากินหมวดที่ 7 การหากินในกระทรวงต่างๆ
บริษัท มงคลชัยพัฒนา จำกัด หากินกับกระทรวงเกษตร เช่น กรมปศุสัตว์ ในโครงการเพาะน้ำเชื้อโคกระบือ และสัตว์ต่างๆ
บริษัท เพียว สัมมากร ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ล็อกสเปกงานก่อสร้างของรัฐและท้องถิ่นทั่วประเทศ
บริษัท สัมมากร จำกัด มหาชน หากินกับโครงการขนาดใหญ่ ด้านการก่อสร้างของหน่วยราชการ และยังร่วมกับบริษัท เนเชอร์รัล ปาร์ค รับทำโครงการขยายถนนย่านบางกะปิ และมีนบุรี เพื่อผ่านโครงการธุรกิจบ้านจัดสรรในที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินฯ พร้อมเตรียมยุบโครงการบ้านเอื้ออาทรในบริเวณนั้น
บริษัท สุวรรณชาด จำกัด สร้างภาพสุนัข และยัดเยียดขายเสื้อสีเหลืองวันจันทร์ ในราคาแพงให้ข้าราชการทั่วประเทศ (เสื้อยืดธรรมดา ๆ ราคาตัวละ 500 กว่าบาท) และยังเข้าไปผูกขาดการขายเสื้อให้กับเด็กนักเรียนกับองค์การค้าคุรุสภา ตามโครงการเสื้อฟรี
บริษัท ศรีพัฒน์ จำกัด รับงานผลิตสารคดีเฉลิมพระเกียรติและสารคดีสร้างภาพลักษณ์สถาบันทางโทรทัศน์ โดยรับงานและเงินผ่านกรมประชาสัมพันธ์
บริษัท วัฒนกรรม จำกัด รับงานกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประมูลงานเหมืองแร่ต่างๆ ในไทย แล้วถ่ายเทให้กินหัวคิวกับรายย่อย ผ่องถ่ายไปให้กับบริษัทอื่นๆ ต่อ เช่น ผ่องถ่ายให้ เหมืองบ้านปู หรือบริษัท แร่ยิบซัมไทย อีกทอดหนึ่ง
บริษัท หินอ่อน จำกัด หรือ ไทยมาเบิ้ล ประมูลภูเขาที่มีหินอ่อนทั่วประเทศ แล้วขายสิทธิใบอนุญาตการผลิตหินอ่อนให้กับโรงงานเอกชนอีกทอดหนึ่ง
บริษัท เมอร์ริเอร์ ชีววัสดุ จำกัด เป็นโรงงานตั้งอยู่ที่ฉะเชิงเทรา บนที่ดินสำนักงานทรัพย์สินฯ ผลิตวัคซีนและยาต่างๆ ป้อนองค์การเภสัชกรรม ทำให้คนไทยต้องซื้อยาแพง เพราะการผูกขาดและฮั้วล็อกสเปก
บริษัท ธนาคมและการพัฒนา จำกัด ล็อกสเปกงานออกแบบก่อสร้าง และวิจัยระบบเครือข่ายสาธารณูปโภค เช่นการทำโครงข่ายรถไฟใต้ดิน มีการล็อกสเปกให้ใช้วัสดุอุปกรณ์ในเครือปูนซีเมนต์ไทย
บริษัท ศรีธรณี จำกัด ผูกขาดการสำรวจทรัพยากรธรณี หากินในกระทรวงทรัพยากรฯ
บริษัท เทรดสยาม จำกัด หากินเรื่องไอทีและซอฟแวร์ กับกรมศุลกากร
บริษัท สยามการ์เดียน บริษัทในเครือซีเมนต์ไทย ผลิตกระจกและขายกระจกจำนวนมหาศาลในการสร้างศูนย์ราชการที่ถนนแจ้งวัฒนะ เข้าล็อกสเปกได้สมัย คมช.
บริษัท สยามคราฟ จำกัด บริษัทในเครือซีเมนต์ไทย ผลิตกระดาษปอนด์ ผูกขาดการขายกับองค์การค้าคุรุสภา และผูกขาดการขายตำราเรียนแก่เด็กนักเรียนทั่วประเทศ
สหกรณ์โคนมหนองโพ หากินกับโครงการดื่มนมของเด็กนักเรียนทั่วประเทศ โดยผลิตหลายยี่ห้อให้ตรงกับโครงการของโรงเรียนแต่ละจังหวัด กรณีนมบูด ไม่สามารถเอาผิดถึงต้นตอแหล่งผลิตที่มาจากแหล่งเดียวกันนี้ได้เลย
บริษัท วังสถาปัตย์ รับงานบูรณโบราณสถานและวังต่างๆ ผ่านกรมศิลปกร เช่น วังวิมานเมฆ วัดพระแก้ววัดพระเชตุพน วัดอรุณ โดยได้เงินค่าบำรุงบูรณะและค่าดูแลมาจากภาษีประชาชน
วิธีหากินหมวดที่ 8 การลงทุนในธุรกิจน้ำมันและธุรกิจพลังงาน
บริษัท ปตท. สำรวจพลังงานจำกัด มหาชน สำนักงานทรัพย์สินฯ มีหุ้นใหญ่ เข้าจัดสรรตัวแทนบริหารครอบงำระบบพลังงานไทย ทำให้เสียค่าใช้จ่ายการกลั่นสูง และน้ำมันราคาแพง
บริษัท เชลล์ บางจาก และไทยออยล์ สำนักงานทรัพย์สินฯ เข้าถือหุ้นและส่งคนเข้าควบการบริหาร เพื่อหากินแบบเหมารวมกับการใช้พลังงานของคนไทยทุกคน
บริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด ดำเนินธุรกิจผูกขาดรายเดียวในการขายหัวเชื้อน้ำมัน และสารเร่งปฏิกิริยา
บริษัทไทยอินดัสเตรียลแก๊ส บริษัท ก๊าซธรรมชาติไทย บริษัท เนชั่นแนล แก๊ส ดิสตริบิวชั่น เป็นบริษัทที่จัดส่งและจำหน่ายแก๊ส ก็ล้วนมีสำนักงานทรัพย์สินฯ เข้าถือหุ้นด้วย
วิธีหากินหมวดที่ 9 การหากินกับชาวนา ชาวสวน ชาวไร่
บริษัท คูโบต้าจำกัด ขายรถไถราคาแพงให้ชาวนา วางโครงการให้รัฐจัดซื้อเครื่องสูบน้ำยี่ห้อนี้ และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ปล่อยกู้แก่ชาวนาที่ ซื้อรถไถคูโบต้าเท่านั้น ถ้าซื้อยี่ห้ออื่นไม่ให้กู้
บริษัท ไทยพาณิชย์ ลิสซี่ง จำกัด ปล่อยกู้แก่ชาวนาและคนทั่วไปด้วยดอกเบี้ยที่สูงมาก
บริษัท ดอยคำ จำกัด กดราคารับซื้อสินค้าเกษตร แต่สร้างภาพว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร
บริษัท ปุ๋ย เอฟซีที ให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ในเครือไทยพาณิชย์ถือหุ้น ผูกขาดการประมูลปุ๋ยจากกระทรวงเกษตรฯ ปุ๋ยที่ส่งให้ชาวนาหลายครั้งไม่มีคุณภาพ ชาวนาต้องจ่ายค่าปุ๋ยแพง หรือได้ปุ๋ยไม่มีคุณภาพ จนทำให้ผลผลิตตกต่ำ
บริษัท อิสเอเชียติคส์ จำกัด ร่วมธุรกิจตัดไม้สักทางภาคเหนือ ในอดีตเคยทำลายป่าไม้จำนวนมาก
สหกรณ์ไร่หุบกะพงและเขื่อนแก่งกระจาน จ้างชาวนาผลิตสินค้าเกษตรแบบแรงงานทาส ไม่มีประกันสังคมและค่าแรงขั้นต่ำ
โครงการยึดที่ดินดอยอินทนนท์ ดอยสะเก็ด ดอยอ่างขาง ดอยแม่สลอง ดอยตุง ภูฟ้า ภูพยัคฆ์ ฯลฯ ผลิตสินค้าเกษตรป้อนตลาดภายใต้โครงการช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ชาวบ้านถูกกดค่าแรงและกดราคาสินค้าเกษตร
ขูดรีดค่าเช่านาแพง จากชาวนาอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และจังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยาชาวนาถูกน้ำท่วม ข้าวเน่า ไม่มีเงินใช้หนี้ก็ถูกบังคับเก็บค่าเช่า ครั้งหนึ่งชาวนาที่เคยร่วมเล่นเกมส์ในรายการปลดหนี้ของช่อง 7 วันเสาร์ ได้นำเอกสารคำฟ้องขับไล่ออกจากที่ทำนาและเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลังจากสำนักทรัพย์สินฯ มาเปิดเผยในรายการ ได้ถูกระงับการออกอากาศ
ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีระบบชลประทานมากมายส่งน้ำผ่านที่ดินหลายแสนไร่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ แต่โครงการสร้างระบบชลประทานทางภาคเหนือและอีสานถูกระงับ เพราะไม่มีที่ดินของศักดินาอยู่ แต่กลับให้มีการสร้างเขื่อนในภาคเหนือและอีสานแทน เพราะสามารถขายปูนซีเมนต์และรับก่อสร้างได้เอง
บริษัท อยุธยาเกษตรธานี จำกัด และบริษัท เสนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ของกลุ่มมหาดำรงค์กุล กับ 2บริษัทที่ใหญ่ของเครือสำนักงานทรัพย์สินฯ ร่วมมือกับบริษัท ซี.พี. กลุ่มธุรกิจการเกษตร และบริษัท ทีซีซีอะโกร กว้านซื้อที่ดินในภาคกลางและเหนือตอนล่างในนามของบริษัทลูกตัวเอง และใช้ยุทธวิธี "คอนแทรกต์ฟาร์มมิ่ง" กับเกษตรกรโดยให้เกษตรกรป้อนผลผลิตให้ และจ้าง “อนันต์ ดาโลดม” อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ มาทำงานด้านข้อมูลอย่างเจาะลึก โดยมีบริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด(มหาชน) ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้างซึ่งเป็นทุนสวามิภักดิ์กลุ่มทุนกษัตริย์ให้ร่วมในการซื้อที่ดินเกษตรกรด้วย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ร่วมกับ บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปนี (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เอื้อชูเกียรติ จำกัด ธนาคารเอเชีย จำกัด ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) ธนาคารมิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น รุกที่ดินดอยตุง ผลิตกาแฟ แมคคาเดเมียและพืชเมืองหนาว เป็นต้น
วิธีหากินหมวดที่ 10 การหากินกับการรถไฟไทย
โครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ ทำให้รถไฟฟ้าจากสนามบินสุวรรณภูมิไม่ถูกระงับโครงการในช่วง คมช.เพราะกลุ่มศักดินามีที่ดินในย่านมักกะสันนี้ พร้อมทั้งพัฒนาที่ดินให้เป็นโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ โดยยกเลิกโครงการบ้านเอื้ออาทร และคอนโดเอื้ออาทร
เช่าที่ดินการรถไฟ ย่านรัชดา โดยผ่านบริษัท วังสินทรัพย์ ให้เอกชนเช่าต่อทำธุรกิจอาบอบนวดอีกทอดหนึ่ง รวมถึงให้ กทม. เช่าที่สวนรถไฟต่อจากวังสินทรัพย์ แทนที่จะเช่าโดยตรงกับการรถไฟ
ที่ดินย่าน อาร์ ซี เอ ถนนพระรามเก้า เป็นที่การรถไฟ แต่สำนักงานธุรกิจศักดินาปล่อยเช่าช่วงให้เอกชนทำผับ บาร์ แหล่งอบายมุข ค้ากาม และพบการค้ายาเสพติดบ่อย ๆ แต่ไม่มีตำรวจกล้าสั่งปิดกิจการ
วิธีหากินหมวดที่ 11 ธุรกิจน้ำเมา
บริษัท เบียร์ ไฮเนเก้นส์ นายอาสา สารสิน (ราชเลขาธิการ) เป็นประธานบริษัทควบคุมธุรกิจแห่งนี้ เคยให้รัฐบาลแก้กฎหมายเพื่อเปิดเสรีการตั้งโรงเหล้าเบียร์ เพื่อเปิดทางให้บริษัทนี้
บริษัท บุญรอด เบียร์สิงห์ กลุ่มศักดินาถือหุ้นจำนวนมาก ผูกขาดการผลิตเบียร์มาอย่างยาวนาน ตั้งบริษัทในเครือเป็นตัวแทนขายเบียร์ของต่างประเทศหลายยี่ห้อ และอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนม็อบต้านเบียร์ช้างเข้าตลาดหลักทรัพย์
วิธีหากินหมวดที่ 12 ธุรกิจค้าปลีก และร่วมทุนต่างชาติ
บริษัท เสาวนี โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมทุนกับคาร์ฟู และบิ๊กซี ดำเนินการเข้าแก้ไขกฎหมายค้าปลีกให้ต่างชาติค้าขายได้อย่างเสรี ทำลายระบบค้าปลีกของประชาชนจนย่อยยับ
บริษัท สยามแมคโคร เข้าครอบงำการค้าส่งและค้าปลีกของไทย
บริษัท Swensen และ บริษัท Pizza Hut ดำเนินธุรกิจที่ส่งเสริมวัฒนธรรมการกินของต่างชาติ และส่งเสริมการบริโภคขยะของเยาวชน
บริษัท แอมเวย์ ขายตรงผลิตภัณฑ์กาแฟซองแอมฟี่จากดอยตุงและที่อื่นๆ ในโครงช่วยเหลือชาวเขาบังหน้า
กลุ่มทุน เทมาเส็ก / บริษัท สิงคโปร์เทเลคอมมูนิเคชั่น จำกัด / บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง เป็นกลุ่มทุนสิงคโปร์ที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เข้าร่วมทุน รวมทั้งเข้าเทคโอเวอร์ ชินคอร์ปเปอเรชั่น เป็นการฮุบเอากิจการดาวเทียมของตระกูลชินวัตรไป
วิธีหากินหมวดที่ 13 ธุรกิจการสื่อสาร สร้างภาพลักษณ์กับคนกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ
วิทยุ ไอเอ็นเอ็น และทีนิวส์ ผูกขาดวิทยุในเครือกรมประชาสัมพันธ์กว่า 40 สถานีทั่วประเทศ สร้างภาพลักษณ์และเป็นกระบอกเสียงให้ศักดินา
สื่อบางกอกโพสต์ เข้าไปถือหุ้นบางส่วนกับหลานเขยเครือเซ็ลทรัล สร้างภาพลักษณ์ให้กับศักดินาและการรัฐประหารของ คมช. ต่อชาวต่างประเทศ
บริษัท อัมรินทร์ พริ้นต์ ตั้งขึ้นเพื่อผลิตหนังสือและจำหน่ายหนังสือสร้างภาพลักษณ์ศักดินาทั้งระบบ เช่นการผลิตหนังสือสารคดีท่องเที่ยวของศักดินา
ร้านนายอินทร์ ตั้งขึ้นเพื่อขายหนังสือสร้างภาพลักษณ์ และผูกขาดการตั้งร้านในทำเลที่ดีที่สุดของแต่ละพื้นที่ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ โรงพยาบาลศิริราช ท่าพระจันทร์
วิธีหากินหมวดที่ 14 การลงทุนในกิจการสาธารณสุข
ถือหุ้นในบริษัทยาจากสวิสเซอร์แลนด์ วางระบบการใช้ยาเพื่ออุดหนุนบริษัทยาที่ตนมีหุ้นส่วน ผ่านเครือข่ายแพทย์ชนบทและนักเรียนแพทย์
สร้างโรงพยาบาลในต่างจังหวัด โดยใช้งบของกระทรวงสาธารณสุขและให้ประชาชนในท้องถิ่นร่วมบริจาค ใช้ชื่ออาคารเป็นของพวกตน เพื่อสร้างภาพและรับบริจาคเงินไปใช้ในกิจการตนเอง
วิธีหากินหมวดที่ 15 ธุรกิจเคมี พลาสติก
บริษัท ไทยโอลิฟินส์ จำกัด มหาชน ถือหุ้นในนามเครือซีเมนต์ไทย ผลิตเอธิลีน โพธิลีน ใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก เป็นบริษัทที่สร้างมลภาวะมากที่สุดในมาบตาพุด
บริษัท ระยอง โอลิฟินส์ เป็นบริษัทลูกเครือซีเมนต์ไทย ผลิตเม็ดพลาสติกแบบผูกขาด ทำให้สินค้าพลาสติกในไทยมีราคาแพง สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
บริษัท พลาสติกไทย เป็นบริษัทในเครือซีเมนต์ไทย รับช่วงขายเม็ดพลาสติกไปยังโรงงานต่างๆ
วิธีหากินหมวดที่ 16 การลงทุนในพลังงานไฟฟ้า
บริษัท วันเอเนอจี่ เป็นบริษัทร่วมทุนกับต่างชาติบริหารโรงไฟฟ้าแก่งคอยและขนอม กินค่าหัวคิวการผลิตกระแสไฟฟ้าส่งขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง ในช่วงก่อสร้างได้ตั้งบริษัทร่วมค้า บริษัท DAMCO โดยมีนายสวาสดิ์ปุ้ยสัมพันธ์ อดีตผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นประธาน เข้ารับเหมางานก่อสร้างทั้งระบบ และยังจัดตั้งบริษัทอาลี คาตุน ขายสายไฟอีกทอดหนึ่ง
บริษัท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตอินเตอร์เนชันเนล รับซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาวที่ผลิตจากเขื่อนน้ำงึม ขายต่อให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต
บริษัท ผลิตไฟฟ้าไทย หรือ EGCO มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานโดยตำแหน่ง ในสมัย คมช. ได้ออกรัฐธรรมนูญ 2550 ห้ามนักการเมืองย้ายข้าราชการประจำ ซึ่งก็คือ ห้ามย้ายข้าราชการประจำที่ควบคุมธุรกิจของศักดินานั่นเอง ซึ่งการถือหุ้นของทุนศักดินาในด้านพลังงานไฟฟ้าได้แอบแฝงในชื่อต่างๆ แล้วถือหุ้นไขว้กัน และหุ้นที่ถือไว้ก็มีสัดส่วนสูงในระดับที่มีอำนาจในบริษัทได้
ลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำร่วมกับกษัตริย์ภูฏาน ขายกระแสไฟฟ้าให้อินเดีย
วิธีหากินหมวดที่ 17 ธุรกิจขายตรง บังคับซื้อของที่ระลึก ของบูชา
ทำกาแฟสำเร็จรูป นมสด นมพาสเจอไร้ นมอัดเม็ด น้ำผึ้ง ฯลฯ ออกขาย ผ่านแอมเวย์ และออกร้าน
ศูนย์ศิลปาชีพ กดราคางานศิลปหัตถกรรมของชาวบ้าน จนชาวบ้านหันไปหาระบบการผลิตและจำหน่ายแบบ OTOP (หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์)
การหากินกับผ้าไหมคนจน สร้างภาพสนับสนุนผ้าไหมไทยและจัดแฟชั่นโชว์ แต่ชาวนาที่ทอผ้าได้รับค่าแรงเพียงเล็กน้อย บางครั้งก็หลงนำผ้าไหมชั้นดี ราคาสูง บริจาคให้ฟรี แล้วถูกนำไปขายต่อหรือตัดเป็นแฟชั่นประมูลขายราคาสูงลิบในต่างประเทศ
โครงการผลิตเหรียญกษาปณ์ รุ่นต่างๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ เป็นโครงการค้ากำไรจากเศษโลหะเอามาปั๊มภาพขาย ผ่านกรมธนารักษ์ รวมทั้งออกธนบัตรพิเศษในวาระครบรอบต่าง ๆ ทำริชแบนด์สีเหลือง (กำไรยาง) ทำเน็คไทร์ ดอกมะลิ ฯลฯ บังคับขายแก่ข้าราชการ และพ่อค้า
วิธีหากินหมวดที่ 18 ธุรกิจรีดทรัพย์ ตบทรัพย์ รับบริจาค ขายเลือด
แทบจะทุกวันตลอดปี จะพบว่าทั้งข่าวโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่ออื่น ๆ ต้องนำเสนอข่าว “เปิดบ้านดูดทรัพย์” มีข่าวบริษัทต่าง ๆ บุคคล คณะบุคคล ตลอดจนองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน นำเงินมาทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อนำไปใช้จ่ายตามพระราชอัธยาศัย โดยไม่แจ้งจำนวน ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ และไม่มีการตรวจสอบใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จากข้อมูลของผู้ที่เคยนำเงินไปถวาย แต่ละครั้งที่ออกมารับเงิน โดยใช้เวลาไม่ถึง 5นาที เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท หากน้อยกว่านี้ให้ไปมอบกับพวกคนรับใช้
เงินเหล่านี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่เงินส่วนตัวของใครหรือบริษัท องค์กรใด เพราะกล่าวให้ถึงที่สุด เงินเหล่านี้ก็ขูดรีดเอามาจากประชาชนผู้ใช้แรงงานนั่นเอง บริษัทธุรกิจการค้าที่ต้องรวบรวมเงินมาทูลเกล้าฯ ถวาย กล่าวให้ถึงที่สุด เงินเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการผลิตสินค้า ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และต้นทุนเหล่านี้ก็ถูกผลักภาระต่อไปยังผู้บริโภคเป็นทอด ๆ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นประชาชนผู้ใช้แรงงานเป็นผู้แบกรับภาระทั้งหมด
สภากาชาดเป็นหน่วยงานรับบริจาคแบบกวาดทรัพย์จากหน่วยงานราชการและประชาชนทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทุกปี ผ่านเหล่ากาชาดต่างๆ เป็นเงินรายได้จำนวนมหาศาล แต่ผลงานกลับน้อยกว่ามูลนิธิปอเต็กตึ้งและมูลนิธิ ร่วมกตัญญูหลายเท่าตัว ในอุบัติภัยหลายครั้งจะไปถึงทีหลัง แถมยังรับบริจาคเลือดไปขายต่อให้โรงพยาบาลเอกชนอีกทอดหนึ่ง
ตบทรัพย์หน่วยราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจในการซื้อพาหนะ ทั้งเครื่องบิน รถยนต์ เรือดำน้ำเฮลิคอปเตอร์ ตบทรัพย์ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์จากกรมประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสถานทูตทั่วโลก ให้คนไปท่องเที่ยวสวนน้ำสยามปาร์คที่สเปน –ให้สถานทูตในต่างประเทศซื้อหาอาหารดีดีแพงๆ ส่งไปให้กิน-ยึดเอาโรงพยาบาลไปใช้บริการเป็นที่พัก ที่รักษา ที่สำราญ ที่เลี้ยงสุนัขฟรีๆ และไล่ธุรกิจธนาคารอื่นๆ ออกไปอยู่ในทำเลไม่ดี แล้วขยายสาขาธนาคาร ร้านหนังสือ ร้านสินค้าในโครงการฯ ของตนผูกขาดไปยังโรงพยาบาลต่างๆ และกระทำเช่นเดียวกันที่สนามบินสุรรณภูมิ ดอนเมือง
วิธีหากินหมวดที่ 19 ธุรกิจพิธีศพ เปิดงาน แจกของ แจกรางวัล แจกปริญญาบัตร
เมื่อศักดินาไปร่วมพิธีศพ เปิดงาน แจกของ แจกรางวัล แจกปริญญาบัตร เจ้าภาพจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก บางครั้งจะมีหน้าม้าเดินแจ้ง ให้คนไปออกงานร่วมบริจาค ถ้าบริจาคมากจะได้เข้าใกล้ชิด และมีสัญลักษณ์บรรดาศักดิ์ตอบแทนให้ นักศึกษาที่จบปริญญาจะถูกรีดไถค่ารับปริญญาบัตร
วิธีหากินหมวดที่ 20 ธุรกิจสงเคราะห์คนยากไร้
มูลนิธิต่างๆ เป็นองค์กรการกุศล อ้างหาเงินช่วยภัยน้ำท่วม ภัยหนาว ภัยแล้ง และสงเคราะห์ผู้ยากไร้ แต่มักใช้บังหน้าสำหรับการผ่องถ่ายโยกย้ายเงินจากบริษัทในเครือ เพื่อการหลีกเลี่ยงภาษี
โครงการพระราชดำริ ประมาณ 4,000 โครงการ ภายใต้คำว่าช่วยเหลือราษฎร มีคนได้ประโยชน์ 7 ล้านคน (แต่ตัวเลขจริง จำนวนคนที่ได้ประโยชน์จะถึงหมื่นคนหรือไม่?) โครงการฯ สามารถใช้งบประมาณ นักวิจัยเจ้าหน้าที่ พาหนะ การตัดถนน การลากสายส่งกระแสไฟ การใช้ที่ดินสาธารณะ ป่าสงวนต้นน้ำลำธาร อุทยานต่างๆ ทั่วประเทศหลายสิบล้านไร่โดยไม่ต้องลงทุน ดำเนินการแปรรูปสินค้าเกษตร ผลิตสินค้าส่งขายในประเทศและต่างประเทศ ผลิตพืชเมืองหนาว ดอกไม้เมืองหนาวขนส่งทางเครื่องบินไปขายทั่วโลก
สรุป
แต่เดิมในยุคบรรพกาลนั้นไม่มีใครเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกันที่จะทำมาหากินไปบนที่ดิน ทุ่งหญ้า ป่าเขา แม่น้ำและทะเลแห่งหนใดก็ได้ ทุกคนมีความสัมพันธ์แบบเสมอภาคกันในการร่วมกันหาอยู่หากิน ตัดสินใจร่วมกันทำการผลิต และแบ่งผลผลิตที่ได้กันอย่างยุติธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ยุคบรรพกาลจึงปราศจากความรู้สึกบีบคั้นกดดันต่อกัน ไม่มีใครมากีดกั้นบังคับใครในการใช้พื้นที่ทำมาหากิน
ต่อมาได้เกิด ระบอบกรรมสิทธิ์ส่วนตัว ขึ้น เริ่มจากการถือครองเครื่องมือล่าสัตว์ อาณาเขตและสัตว์เลี้ยงทำให้คนส่วนหนึ่งมีอาหารและของใช้มากกว่าคนอีกส่วนหนึ่ง เกิดสภาพการณ์ ขึ้นต่อ ระหว่างคนมีกรรมสิทธิ์กับคนไม่มีกรรมสิทธิ์ ในลักษณะของความสัมพันธ์แบบการยืม การขอ การให้ การเช่า การแลกเปลี่ยนและการซื้อขาย
การได้กรรมสิทธิ์ นอกจากได้มาจากการสร้างเครื่องมือขึ้นเอง การแสวงหาและการเข้ายึดครองแล้ว ยังได้มาจากการรับมรดก การปล้นชิงและการซื้อขายแลกเปลี่ยน ซึ่งกรรมสิทธิ์เป็นความสัมพันธ์ประเด็นแรกที่นำไปสู่ฐานะระดับสั่งการและตัดสินใจว่าจะผลิตอะไร หรือไม่ผลิตอะไร กระทั่งกำหนดได้ว่าใครต้องเป็นผู้ออกแรงทำงาน โดยผู้มีกรรมสิทธิ์เพียงแต่ออกแรงงานควบคุมการผลิตเท่านั้น โดยให้คนอื่นได้เช่า ยืม หรือซื้อเครื่องมือไปใช้ ผู้มีกรรมสิทธิ์ยังมีฐานะในการออกกฎระเบียบการทำงาน แบ่งสายงาน จัดวางตำแหน่งคนทำงานบังคับ ควบคุม ให้คุณให้โทษแก่ผู้ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตที่ต้องตกอยู่ในฐานะการขึ้นต่อ ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง และเป็นผู้ออกแรงกายทำงานเป็นหลัก อันนำไปสู่ การแบ่งปันประโยชน์จากผลผลิต
เมื่อมนุษย์เข้าครอบครองผลประโยชน์เป็นของส่วนตัว สังคมก็แบ่งแยกฐานะทางชนชั้น ออกเป็น 2 ขั้วที่ตรงข้ามกัน ฝ่ายหนึ่งมั่งคั่ง ฝ่ายหนึ่งยากจน เกิดความอดอยาก เกิดการปล้นฆ่าและสงคราม มนุษย์จึงมิได้ทำการผลิตเพียงการต่อสู้กับธรรมชาติเท่านั้น หากแต่ต้องต่อสู้แก่งแย่ง ช่วงชิงผลผลิตในหมู่มนุษย์ด้วยกันเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความอยู่ดีกินดี
จากจุดเริ่มต้นของการมีระบอบกรรมสิทธิ์ส่วนตัวนี้เอง ได้กลายเป็นจุดกำเนิดของอาชญากรรมทั้งมวลระหว่างมนุษย์ด้วยกันนับตั้งแต่ยุคโบราณจนกระทั่งยุคปัจจุบัน
สำหรับสังคมไทยในปัจจุบัน ถือเป็นสังคมที่มีพลังการผลิตต่ำในระดับทุนนิยมเบื้องต้น ที่อยู่ภายใต้การครอบงำของทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐและทุนผูกขาดจักรวรรดินิยม
ทุนศักดินาผูกขาด มีองค์กรที่แสดงความเป็นเจ้าของทุนคือ
- สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
- ทรัพย์สินส่วนพระองค์
- ทรัพย์สินที่กระจายอยู่ในรูปอื่นๆ เช่น บริษัทต่าง ๆ โครงการพระราชดำริ มูลนิธิ สมาคม กองทุน และ
กลุ่มทุนนอมินีต่าง ๆ
สำนักงานทรัพย์สินฯ มีเนื้อที่ดินทั่วราชอาณาจักรถึง 40,105 ไร่ ประมาณ 8,835 ไร่เป็นที่ดินในกรุงเทพมหานคร และ 31,270 ไร่เป็นที่ดินในส่วนภูมิภาค และหลายพันไร่กระจุกตัวอยู่ในย่านธุรกิจที่สำคัญในกรุงเทพฯ โดยที่จำนวนสัญญาเช่าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ทำกับผู้เช่ามีประมาณ 35,000 สัญญา เป็นผู้เช่าอยู่ในกรุงเทพฯ 22,000 ราย และผู้เช่าในเขตต่างจังหวัด 13,000 ราย
ถือหุ้นรายใหญ่ใน 10 อันดับแรกในบริษัทต่างๆ หลายพันบริษัท และยังอำพรางในนามนอมินีอื่นๆ อีก
จากปี ๒๕๒๒ ถึง ๒๕๔๐ จะเห็นว่า ในช่วงเวลาเพียง 18 ปี สำนักงานทรัพย์สินฯ มีสินทรัพย์สำหรับลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 13 เท่า ไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ ที่ไม่ได้นำมาลงทุน ซึ่งคาดว่ามีถึง 600,000 ล้านบาท
ช่วงเวลาเดียวกัน ในช่วงปี 2541 เปรียบเทียบกับสินทรัพย์ที่ใช้ลงทุนในเครือเจริญโภคภัณฑ์มีเพียง29,813 ล้านบาท และชินคอร์ปเปอเรชั่น มีเพียง 57,787 ล้านบาท ในปี 2540 จึงกล่าวได้ว่าสำนักงานทรัพย์สินฯ เป็นสถาบันการลงทุนทางธุรกิจและมีสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย
ส่วนเรื่องการถือครองที่ดินนั้น ช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีการสำรวจที่สอดคล้องกันว่า กรุงเทพฯ มีขนาดพื้นที่ที่สามารถถือครองได้ 927,074 ไร่ โดยเป็นจำนวนโฉนดที่ดินทั้งหมด 1,915,388 แปลง ผู้ที่ถือครองที่ดินในกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 1,424,207 ราย โดยผู้ที่ถือครองที่ดินมากที่สุดในลำดับแรกในกรุงเทพฯ (ซึ่งรวมทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ถือครองที่ดินจำนวน 14,776 ไร่ (เป็นคนในครอบครัวและญาติกษัตริย์) แต่ข้อมูลที่ทำให้ชวนตระหนกเป็นอย่างยิ่งก็คือ เมื่อสำรวจสัดส่วนของผู้ที่ถือครองที่ดินมากที่สุด 50 อันดับแรกจะคิดเป็นจำนวน 93,314 ไร่ ของที่ดินที่มีทั้งหมดในกรุงเทพฯ หรือหากกล่าวให้ชัดเจนก็คือว่าจำนวนผู้ถือครองที่ดินที่มากที่สุด 50 รายเป็นเจ้าของที่ดินมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของที่ดินทั้งหมดในจังหวัดที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
ทุนศักดินากว้านซื้อเก็งกำไร :
สำนักงานทรัพย์สินฯ มีที่ดินเพิ่ม แต่คนจนหมดตัวไม่มีที่ดินทำกิน
สถานะขององค์กรสำนักงานทรัพย์สินฯ แสดงออก 3 ฐานะ คือ
1. ในฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการยกเว้นภาษี สามารถรุกป่าต้นน้ำมาทำธุรกิจต่างๆ ได้ และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาลเป็นค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า รวมถึงเงินเดือน ค่าจ้างของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือเกษตรกรชนชาติต่างๆ ในพื้นที่ที่ไปช่วยในการทำวิจัยผลิตภัณฑ์และทำงานในโครงการ ก็ให้เบิกจ่ายงบประมาณจากต้นสังกัด กระทั่งในยามขาดทุนหรือขาดสภาพคล่องยังสามารถเอาเงินจากกระทรวงการคลังได้ด้วย หากเงินในกระทรวงการคลังมีไม่พอ รัฐบาลก็ต้องออกพันธบัตรกู้เงินประชาชนมาหนุนกิจการให้ เพราะถือเป็นหน่วยงานของรัฐ
2. ในฐานะองค์กรธุรกิจแบบเอกชนสามารถประกอบการได้ทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การบริการแสวงหากำไร เก็งกำไร ค้าขายผูกขาดได้อย่างมีอิสระ เสรีภาพ คล้ายบริษัทเอกชนทั่วไป
3. ในฐานะองค์กรการกุศล
การแสดงออกทั้ง 3 ฐานะจะเกื้อกูลกัน เช่น ในการลงทุนจะใช้ฐานะองค์กรรัฐ จะได้รับการสนับสนุนเงินทุนและบุคลากรจากรัฐบาล จากนั้นก็นำไปลงทุนผลิตสินค้าและบริการ ดำเนินการค้าขายแสวงกำไรสูงสุดแบบองค์กรธุรกิจ เมื่อได้กำไรแล้วก็จะใช้ฐานะองค์กรของรัฐที่ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ รวมทั้งยังเอาคืนที่ดินที่ไปค้ำประกันหรือจำนองไว้กับสถาบันการเงินอื่นโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของหน่วยงานรัฐโอนให้ใครไม่ได้(เอาที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้ พอได้เงินกู้แล้วก็เอาที่ดินคืน) และใช้ฐานะองค์กรการกุศลสำหรับการโฆษณาสินค้าและภาพลักษณ์องค์กร เป็นต้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ฐานะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นทั้งองค์กรเทวดาและปีศาจในร่างเดียวกัน
การแบ่งปันผลประโยชน์
การแบ่งปันผลผลิตและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากหยาดเหงื่อแรงงานของผู้ใช้แรงงาน และผู้ประกอบการต่างๆ ในแต่ละปี ได้รับการวัดค่าด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) สามารถวิเคราะห์การแบ่งปัน GDPไปยังประชากรกลุ่มคนและชนชั้นต่างๆ ได้ดังตัวอย่างประมาณการสัดส่วนดังนี้
พ.ศ.2549 ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ประมาณ 10 ล้านล้านบาท
แบ่งสัดส่วน GDP ได้โดยประมาณ ดังนี้
ภาษีงบประมาณแผ่นดิน สำหรับข้าราชการ 3 ล้านคน จำนวน 2 ล้านล้านบาท
ค่าแรงขั้นต่ำแก่ผู้ใช้แรงงาน* ประมาณ 37 ล้านคน จำนวน 1 ล้านล้านบาท
ค่ารายได้ของชนชั้นกลาง ประมาณ 10 ล้านคน จำนวน 2 ล้านล้านบาท
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ที่เหลือ 5 ล้านล้านบาท จึงตกไปอยู่กับชนชั้นนายทุน นักธุรกิจ ผู้ประกอบการรายย่อย โดยกลุ่มทุนผูกขาดศักดินาที่มีคนน้อยที่สุดแต่ได้ไปมากที่สุด ถ้าแบ่งเอาจากสัดส่วนของศักดินามาเพียง 1 ล้านล้านบาท—กรรมกรจะได้ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เป็นวันละ 600 บาทได้อย่างสบายๆ
กลุ่มทุนศักดินายังได้แย่งชิงเอาภาษีอากรไปใช้ในกิจกรรมของกลุ่มทุนศักดินาเอง ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มีต้นทุน ไม่ว่าเพื่อการดำรงชีพ หรือเพื่อการประกอบธุรกิจเช่น
1. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ สร้างซุ้มประตูคร่อมถนน-ทางเข้า ป้ายตามถนน-ทางแยกแม้แต่เงินทำบุญ ช่วยเหลือสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ รัฐบาลทุกชุดก็ต้องจัดงบประมาณจำนวนมากไว้ให้ในแต่ละปี ฯลฯ
2. การจัดพิธีกรรม เทิดพระเกียรติ งานสวนสนาม งานศพ งานวันเกิด งานครบรอบต่าง ๆ
3. การรักษาความปลอดภัย ขบวนรถติดตามยาวเหยียด
4. การอำนวยการ ข้าราชบริพารที่ดูแลรักษาวัง และสถานที่ส่วนตัวต่าง ๆ
5. การทหาร ทหารรักษาพระองค์ ทหารยามรักษาการ ฯลฯ
6. การเดินทาง การท่องเที่ยวต่างประเทศ
7. การปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน
8. การบริโภค สาธารณูปโภค การบันเทิง งานอดิเรก
9. ค่าใช่จ่ายทางกามารมณ์
10. การใช้งบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนากิจการ
11. การใช้งบประมาณและนักวิจัยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโครงการพระราชดำริ
12. การนำทุนและงบประมาณของไทยไปใช้จ่ายต่างประเทศ
13. การถือครองทุนและที่ดินของรัฐเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
14. การซ่อมแซม บูรณะวังและที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ตลอดจนค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม ทั้งการพนัน ยาเสพติดฯลฯ ที่มีความพัวพันกับทุนศักดินาอีกจำนวนมหาศาล จึงอาจกล่าวได้ว่า ถนนทุกสายลำเลียงความมั่งคั่งไปสู่ครอบครัวศักดินา จนมีมูลค่าทรัพย์สินมั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลกในบรรดาประเทศที่มีการปกครองแบบมีกษัตริย์เป็นประมุข และติดอันดับหนึ่งในห้าของเศรษฐีโลก ซึ่งเป็นที่น่าตกใจเมื่อเทียบกับบิลเกตต์ ผู้ที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลกนั้น เขาต้องผลิตสินค้าด้านคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต ซอฟแวร์ และต้องจำหน่ายสินค้าไปยังพลเมืองโลกซึ่งเป็นผู้บริโภคกว่า3,000-4,000 ล้านคน แต่กษัตริย์ผู้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีโลกของไทยกลับมีความร่ำรวยจากผู้ใช้แรงงาน 37 ล้านคน มีพลเมืองที่เป็นผู้บริโภคเพียง 65 ล้านคน
ครอบครองทรัพย์สินเป็นอันดับหนึ่ง
ในปี 2551 นิตยสารฟอร์บส์เอเชียได้อาศัยงานวิชาการที่ทำการศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไทย ได้ตัวเลขออกมาอยู่ที่ 35 พันล้านเหรียญ (1,190,000 ล้านบาท) ซึ่งทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงครองตำแหน่งสูงสุดในการจัดอันดับราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่ 1 ปีก่อนหน้านี้คือเมื่อปี 2550 พระองค์ทรงอยู่เพียงอันดับที่ 5
ครอบครองที่ดินเป็นอันดับหนึ่ง
กรมพระคลังข้างที่ คือ ผู้ครอบครองที่ดินรายใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ใน พ.ศ. 2445 มีที่ดินครอบคลุมประมาณ 1 ใน 5 ของกรุงเทพฯ กระจายตัวอยู่ในย่านธุรกิจที่สำคัญ เช่น สี่พระยา บางรัก หรือสำเพ็ง มีการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์คือ สร้างห้องแถวและตลาดสดเพื่อเก็บค่าเช่า อีกทั้งได้ก่อตั้งธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทปูนซีเมนต์ไทยโดยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการร่วมทุนกับชาวยุโรปและชาวจีนในธุรกิจสำคัญ เช่น การเดินเรือ เบียร์ รถราง และเหมืองแร่
ครอบครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นอันดับหนึ่ง
หลักฐานทางเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ระหว่าง พ.ศ. 2519-20 แสดงให้เห็นว่า องค์พระประมุขของประเทศกับพระราชวงศ์ใกล้ชิดมีผลประโยชน์มากมายในธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจต่างๆ เช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีหุ้นในธนาคารกรุงไทย จำกัด 75,000 หุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด455,000 หุ้น ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด 203,714 หุ้น ธนาคารไทยทนุ จำกัด 6,199 หุ้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหุ้นในธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด อีก 10,300 หุ้น
ชาวนา 60-80 % มีชีวิตตามยถากรรม
พระคลังข้างที่คือ "ผู้ค้าข้าวรายใหญ่" ที่ผูกขาดการการส่งออกข้าวแต่เพียงผู้เดียวของชนชั้นศักดินามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และต่อมาได้ร่วมทุนกับบริษัทไทยนิยมพาณิชย์ ผูกขาดการค้าข้าวเรื่อยมา
ในช่วงหลังสัญญาเบาว์ริ่ง เมื่อมีการค้าข้าวไปยังยุโรป สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ พระคลังข้างที่ได้เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ให้กับนายทุนจีนผูกขาดค้าข้าวทั่วประเทศ เช่น ให้ทุนแก่จีนหักหงี ทำโรงสีที่ปากพนัง ตั้งบริษัทโรงสีข้าวสยาม โดยร่วมทุนกับบริษัทดีแอนด์ฮอน และกลุ่มนายหลีเต็กออ ที่ได้เอาโรงสีของตนเอง คือโรงสีถมยาและโรงสีหลีเจงจั่น เป็นประกัน การผูกขาดค้าข้าวส่งออกของศักดินาแต่เพียงรายเดียวนั้นได้ขายผ่านให้กับบริษัท เอ มาร์ควัลย์ แอนด์ คอมปานี บริษัทของชาวเยอรมัน และบริษัท อาระกัน ของชาวอังกฤษ
ชาวนาถูกฉกชิงเอาส่วนต่างจากราคาข้าว
ราคาข้าวตลาดพ่อค้าในเครือธุรกิจกษัตริย์ จะกดราคาซื้อเหลือ 6,000 บาท แต่พอข้าวอยู่ในมือพ่อค้าราคาถีบขึ้นไปตันละ 20,000 บาท ข้าวสาร 5 % ราคาส่งมอบอยู่ที่ตันละ 17,000 -18,000 บาท แต่ราคาขายในประเทศอยู่ที่ 25,000 -28,000 บาท เมื่อส่งขายไปต่างประเทศ ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ชาวนาถูกขูดรีดซ้ำซ้อนจากทุนสวามิภักดิ์ศักดินา
นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) ศูนย์พัฒนาสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (1 มิ.ย.51)กล่าวว่า ข้อเสนอของนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โดยการลดพื้นที่ปลูกข้าวให้เหลือ25 ล้านไร่ แล้วปลูกข้าวลูกผสมปีละ 3 ครั้ง นั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นกลอุบายในการผลักดันให้ชาวนามีการปลูกพันธุ์ข้าวลูกผสม ซึ่งจะทำให้ซีพีได้ขายเมล็ดพันธุ์ข้าวมีมูลค่าสูงถึง 37,000 ล้านบาท/รอบการผลิต หรือมากกว่า 100,000 ล้านบาท/ปี โดยเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์จากซีพีไปปลูกต่อทุกปี เช่นเดียวกับการปลูกข้าวโพดลูกผสม หรือการเลี้ยงปลาทับทิม ทั้งนี้ไม่นับผลประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการขายปุ๋ยเคมี สารเคมีการเกษตร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของบริษัท
ความเหลื่อมล้ำติดระดับโลก
สหประชาชาติบอกว่าประเทศไทยมีประชากรร้อยละ 25.2 ที่เป็นคนจนมีรายได้น้อยกว่า 2 ดอลลาร์ต่อวัน แต่ถ้ามีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจนที่รัฐบาลกำหนด มีอยู่เพียงร้อยละ 10.1 เท่านั้น
คนกลุ่มที่รวยที่สุดของไทยมีรายได้มากกว่ากลุ่มคนที่จนที่สุดสูงถึง 14.66 เท่าในปี 2549 ซึ่งมากกว่าปี2531 (11.88 เท่า) นับว่าปี 2549 มีความแตกต่างระหว่างรายได้ของกลุ่มคนที่จนที่สุดและรวยที่สุดมากเป็นอันดับสองรองจากปี 2535 ซึ่งมีความต่างถึง 14.90 เท่า
สำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2549 พบว่า เมื่อแบ่งประชาชนจากจนที่สุดถึงรวยที่สุดออกเป็น 10 ชั้น ในชั้นที่ 10 พบว่า ครอบครองความมั่งคั่งถึง 55 เปอร์เซ็นต์ เกินครึ่งหนึ่ง ตรงนี้สะท้อนความเหลือมล้ำอย่างสูงที่มีอยู่ในสังคม
สหประชาชาติใช้ “รายได้” เป็นฐานวัดความยากจน โดยดูจากรายได้ขั้นต่ำที่พอเพียงต่อการสนองตอบความจำเป็นขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต หรือปัจจัยสี่ เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค คนจนคือคนที่ขาดแคลนสิ่งจำเป็นซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำของการดำรงชีวิต
ธนาคารโลกกำหนดไว้ว่าคนในประเทศด้อยพัฒนาที่สุด ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ถือว่าเป็นคนจน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา แต่คนในประเทศเศรษฐกิจระดับปานกลางเช่นในทวีปเอเชียตะวันออกและละตินอเมริกาที่มีรายได้ต่ำกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ถือว่าเป็นคนจน ถ้าใช้ตามมาตรฐานของธนาคารโลก โลกในปี 2546 มีคนจน 1,200 ล้านคนในประเทศด้อยพัฒนาที่สุดซึ่งมีประชากรรวมทั้งสิ้น4,800 ล้านคน และมีคนจนในประเทศเศรษฐกิจปานกลางอีก 2,800 ล้านคน กลุ่มคนรวยที่สุดในโลก 5%แรกมีรายได้คิดเป็นร้อยละ 85 ของโลก ในขณะที่กลุ่มคนยากจนที่สุด 5% มีรายได้เพียงร้อยละ 1.4 ของรายได้ทั้งหมดของโลกเท่านั้น
ประเทศซึ่งส่วนใหญ่ในแอฟริกาและละตินอเมริกา ที่รายได้กลุ่มคนจนที่สุด 20% กับกลุ่มคนรวยที่สุด20% ต่างกันมากถึง 30 เท่า
ประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่แตกต่างกันมากนัก เช่น ประเทศในยุโรปตะวันตกและตะวันออกแคนาดา สำหรับเอเชียมีญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ปากีสถาน ส่วนแอฟริกามีอียิปต์และรวันดา ที่รายได้ของกลุ่มคนรวยที่สุดกับคนจนที่สุด 20% แตกต่างกันเพียง 3-4 เท่า เท่านั้น ถือกันว่ารัฐบาลกระจายรายได้อย่างทั่วถึง
ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของโลก แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มแรกคิดเป็นกลุ่มประเทศร่ำรวยที่มีเพียงร้อยละ 13 ของประชากรทั่วโลก หรือ 500 ล้านคน ที่มีรายได้รวมกันร้อยละ 44 ของรายได้โลก กลุ่มนี้มีอาทิ สหรัฐ ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคิดเป็นร้อยละ 42 ของประชากรโลกหรือ 2,100ล้านคน ที่มีรายได้รวมกันเพียงร้อยละ 9 ของรายได้รวมทั้งโลกเท่านั้น กลุ่มนี้รวมอินเดีย อินโดนีเซีย คนจีนในชนบท เป็นต้น
คนอเมริกัน 10% แรกที่รวยมาก มีรายได้เท่ากับกลุ่มคนจนที่สุด 43% ของโลก นัยหนึ่ง คนอเมริกันที่รวยที่สุด 200 คนมีรายได้เท่ากับรายได้คนจน 2,000 ล้านคนรวมกัน หรือรายได้เฉลี่ยของคนอเมริกันทั้งประเทศ มีมากกว่าคนจนอีกกว่า 4,000 ล้านคนทั่วโลก
กลุ่มคนรวยที่สุด 1% ของโลกมีรายได้เท่ากับกลุ่มคนจนที่สุด 57% ของโลก หรือคนรวยที่สุด 50 ล้านคนมีรายได้รวมกันเท่ากับรายได้ของคนจน 2,700 ล้านคน
ในปี 2548 คนรวยที่สุดของโลก 3 คน มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่าคนจนของโลก 650 ล้านคน หรือมีทรัพย์สินมากกว่า จีดีพี.ของประเทศยากจน 47 ประเทศทั่วโลก คนรวยที่สุดของโลก 127 คนมีทรัพย์สินมากกว่า จีดีพี.ของประเทศด้อยพัฒนาที่สุดของโลกทั้งหมดรวมกัน
กษัตริย์รวยขึ้นทุกวัน
ในปี 2550 ทรัพย์สินประจำราชวงศ์ของสถาบันกษัตริย์ไทย ประเมินไว้เพียงอย่างต่ำ คือ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 170,000 ล้านบาท ( 34 บาทต่อ 1 ดอลลาร์)
ในปี 2551 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไทย มีทรัพย์สิน 35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ1,190,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรวยแบบก้าวกระโดด หลังการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
เฉลี่ยแล้วมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นในช่วงเวลา 1 ปี ถึง 1,020,000 ล้านบาท
หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น วันละ 2,794.5 ล้านบาท
ขณะที่ นายบิลล์ เกตส์ ประธาน บริษัทไมโครซอฟท์ ผู้ครองแชมป์อภิมหาเศรษฐีโลกอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 11 แล้ว มีทรัพย์สินคิดเป็นมูลค่า 46,600 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 1,584,400 ล้านบาท (34บาทต่อ 1 ดอลล่าร์)
อันดับ 2 นายวอร์เรน บัฟเฟต นักธุรกิจชาวอเมริกัน มีทรัพย์สิน 44,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย1,496,000 ล้านบาท
อันดับ 3 นายลักษมี มิตตาล ชาวอินเดีย เจ้าของธุรกิจเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทรัพย์สิน 25,000ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 850,000 ล้านบาท
ดังนั้นกษัตริย์ไทยที่มีทรัพย์สิน 35 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,190,000 ล้านบาท จึงรวยเป็นอันดับ 3 ของโลก
มีมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพีไทย ปี 2552 ซึ่งมีเพียง 9.53 ล้านล้านบาท
ขณะเดียวกัน นักธุรกิจของไทยที่ติดอันดับคนรวยระดับโลก 3 คน คือ
นายเจริญ สิริวัฒนภักดี อายุ 60 ปี ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 194 มีทรัพย์สิน 3 พันล้านดอลลาร์
นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มกระทิงแดง หรือเรดบูลล์ จัดอยู่ในอันดับ 292 ขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 356 มีทรัพย์สิน 2,200 ล้านดอลลาร์
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่ม ซี.พี.และเครือเจริญโภคภัณฑ์ อยู่อันดับที่ 387 มีทรัพย์สิน 1,700ล้านดอลลาร์
รวมทรัพย์สินของนักธุรกิจชั้นนำ ของไทย 3 คน เท่ากับ 6,900 ล้านดอลล่าร์ ก็ยังน้อยกว่าทรัพย์สินของกษัตริย์ไทย ถึง 28,100 ล้านดอลล่าร์ ( 35,000 – 6,900 ) คิดเป็นเงินไทย 955,400 ล้านบาท
คนจนกลับจนลงทุกวัน
งานศึกษาของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า จากข้อมูลสำรวจในปี2547 ที่ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศทั้งหมด 31,630 ครัวเรือน มีครัวเรือนจำนวนทั้งสิ้น 3,213 ครัวเรือนที่มีการใช้จ่ายต่อหัวสมาชิกต่ำกว่า 1 เหรียญสหรัฐต่อวัน
มีครัวเรือนที่จัดเป็นกลุ่ม "ยากจนสุดแร้นแค้น" ทั้งสิ้น 2,268,371 ครัวเรือน จากจำนวนประชากรทั้งหมด 16,765,051 ครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งครัวเรือนกลุ่มนี้กระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีจำนวนทั้งหมดเท่ากับ 1,382,911 ครัวเรือน
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หนี้ภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยเมื่อสิ้นปี 2547 หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นและอยู่ในระดับ 103,940 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60%ของรายได้ และยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง คนจนเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตจากลักษณะ “ที่ไม่มีอันจะกิน เป็น มีน้อยมากจนไม่พอใช้” จนส่งผลกระทบต่อชีวิตที่ไม่มีความสุข โดยคนจนในเมืองมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 6,294 บาทต่อครัวเรือน ขณะที่คนจนในชนบทมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 5,448 บาทต่อครัวเรือน
ในปี 2539 ค่าแรงกรรมกรขั้นต่ำ 145 บาท อัตราแลกเปลี่ยน 25 บาท/ดอลล่าร์ เฉลี่ยได้กรรมกรได้ค่าแรงวันละ 5.8 ดอลล่าร์
ปี 2549 ค่าแรงกรรมกรขั้นต่ำวันละ 194 บาท อัตราแลกเปลี่ยน 45 บาท/ดอลล่าร์ เฉลี่ยได้กรรมกรได้ค่าแรงวันละ 4.3 ดอลล่าร์
แสดงว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงกรรมกรลดลง 1.5 ดอลล่าร์ หรือหายไป 67.5 บาทต่อวัน
ช่องว่างระหว่างคนรวยสุด 20 เปอร์เซ็นต์ กับคนจนสุด 20 เปอร์เซ็นต์ ห่างกันถึง 13.2 เท่าและคนรวยสุด 10เปอร์เซ็นต์เป็นเจ้าของทรัพย์สินมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ เทียบกับคนจนสุด 10 เปอร์เซ็นต์ได้ส่วนแบ่งแค่3.9 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่คนจน มีหนี้สินในช่วง พ.ศ. 2552 รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีได้กู้เงินมากกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ระยะแรกได้กู้ 800,000 ล้านบาท ทำให้คนจนมีหนี้ เพิ่มขึ้น เฉลี่ยคนละ 80,000บาท ทันที
ขี้ข้าราชาแบกหนี้ 2 แสนล้าน
ข้าราชการทุกระดับมีหนี้สินเกือบทุกครอบครัว หรือ 84% ของจำนวนครอบครัวข้าราชการทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นหนี้สินทั้งหมด 219,737 ล้านบาท หรือเฉลี่ยครอบครัวละ 749,771 บาท และในจำนวนหนี้สินทั้งหมด มีสัดส่วน 56.3% เป็นหนี้สินเพื่อที่อยู่อาศัย อันดับ 2 คือเพื่อการซื้อหรือซ่อมแซมรถยนต์ 16.7% อันดับ 3 คือเพื่อการใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภค 12.4% ขณะที่หนี้สินเพื่อการศึกษามีเพียง 3.7% เท่านั้น และพบว่าครอบครัวข้าราชการที่มีหนี้สินนั้นเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเพิ่มจากปี 47 มีสัดส่วน 81.6% เป็น 84% ในปี 51 และมีหนี้สินเฉลี่ยเพิ่มจาก 492,253 บาท เป็น 749,771 บาท
ปี 2551ประเทศไทยมี GDP ประมาณ 0.27 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ มีประชากร 63 ล้านคน เฉลี่ยต่อหัวประชากร ประมาณ 4,400 ดอลล่าร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 149,600 บาท แต่คนไทย ที่เป็นผู้ใช้แรงงาน37 ล้านคน และได้ค่าแรงขั้นต่ำเพียงปีละ 72,000 บาท เท่านั้น น้อยกว่าค่าเฉลี่ยกว่า 2 เท่า
ประเทศไทย มีหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 เม.ย.2552 จำนวน 3,799,016 ล้านบาท หรือ 43.02%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ซึ่งหนี้สินจำนวนนี้เป็นภาระของประชาชนคนยากจนทั้งประเทศที่ต้องชดใช้เป็นเวลานับสิบปี และจำนวนหนี้สินยังมากกว่าเงินภาษีที่เก็บได้แต่ละปีถึง 3 เท่า
คนจนสูญเสียที่ดินให้กษัตริย์
ประเทศไทยมีที่ดินที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องราว 130 ล้านไร่ ซึ่งในจำนวนนี้เกือบ 100 ล้านไร่ เป็นของคนกลุ่มเล็ก ๆ คือประมาณร้อยละ 10 ของประเทศ หรือ 6.5 ล้านคน ขณะที่คนอีกราว 60 ล้านคน จะต้องใช้ชีวิตอยู่บนที่ดินเพียง 30 ล้านไร่ ซึ่งจุดนี้คือต้นตอปัญหาคนจนไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย
หากหารจำนวนที่ดินของประเทศไทยทั้งหมดที่ประชาชนมีสิทธิพึงมี ประชาชนควรจะมีที่ดินคนละ 5 ไร่ในขณะที่เมื่อหักพื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าออก เหลือพื้นที่เอกสารสิทธิเท่านั้น ประชาชนจะมีที่ดินคนละ 2 ไร่เท่านั้น
ครอบครัวศักดินา เพียงครอบครัวเดียว มีที่ทำกินหลายสิบล้านไร่
คนจนได้ส่วนแบ่งน้อย ท่ามกลางกำไรมหาศาลจากการส่งออก
ในปี 2539 ไทยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการ 1.8 ล้านล้านบาท และเพิ่มขึ้นมาเป็น 6.6 ล้านล้านบาท ในปี 2551 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเพิ่มการจ้างงานประมาณ 6.7 ล้านตำแหน่งในช่วงดังกล่าว ในส่วนของภาคเกษตรนั้นปริมาณส่งออกข้าวที่เคยอยู่ที่ 5.4 ล้านตันในปี 2539 นั้น เพิ่มขึ้นมาเป็น 10 ล้านตัน เป็นการขยายตัวที่สูงมากกว่าในอดีต แต่ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มไม่กี่บาท
ชีวิตผู้ใช้แรงงานต้องแบกภาระไว้อย่างแสนสาหัส มีภาระที่ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่และลูก เป็นค่าแรงขั้นต่ำ206 บาท ทำงานเดือนละ 26 วัน รายได้สามีภรรยารวมกันก็จะเป็น 10,712 บาท ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ประมาณ 1,600 บาทต่อเดือน ค่านมลูกประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน ส่งกลับไปให้พ่อแม่ใช่ดำรงชีพ2,000 บาทต่อเดือน หักค่าประกันสังคมรวม 2 คน 642 บาทต่อเดือน ค่าอาหารยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ ประมาณ 3,500 บาทต่อเดือน และยังมีภาษีสังคมอื่นๆ ที่ต้องจ่ายต่อเดือนอีกประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน ถ้ารวมรายจ่ายหลักๆ ที่กล่าวข้างต้นนี้แล้วก็จะเป็นเงิน 10,742 บาทต่อเดือน จึงเป็นชีวิตที่ติดลบ ขาดคุณภาพ
พลทหารที่ถือปืนยืนยามตามถนนคุ้มกันนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 500บาท(ไม่รวมเงินเดือนๆ ละ7,000-8,000 บาท) มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำวันละ 206 บาท
เป็นสมุนศักดินาได้เงินเดือนมากกว่าผู้ใช้แรงงาน 20-30 เท่า
บัญชีเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ ' ส.ว.-ส.ส.
ประธานรัฐสภา = 114,000 บาท
ประธานวุฒิสภา = 108,500 บาท
รองประธานรัฐสภา = 108,505 บาท
รองประธานวุฒิสภา และรองประธานสภาผู้แทนราษฏร = 105,500 บาท
ผู้นำฝ่ายค้านในสภา = 108,500 บาท
ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร = 105,500 บาท
สมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร = 104,000 บาท
ถ้าท่านเป็น ส.ส. 4 ปี ท่านมีรายได้รวม 4,992,000 บาท (สี่ล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสองพันบาท)
ถ้าท่านเป็น ส.ว. 6 ปี ท่านมีรายได้รวม 7,488,000 บาท (เจ็ดล้านสี่แสนแปดหมื่นแปดพันบาท)
ทั้งนี้ ยังไม่รวมสวัสดิการ และสิทธิพิเศษ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เดินทางฟรี ขึ้นเครื่องบินฟรี มีเบี้ยเลี้ยง และกินข้าวกลางวันและมื้อเย็นฟรี พร้อมกับผู้ติดตาม องครักษ์
ปัจจุบัน สส.ได้งบประมาณค่ารักษาพยาบาล 20,000 บาท/คน/ปี แต่กำลังขอเพิ่มเป็น 50,000 บาท/คน/ปี ขณะที่ส่วนแบ่งค่ารักษาผู้ใช้แรงงานเฉลี่ยให้เพียงพันกว่าบาท/คน/ปี
เงินเดือนของผู้บริหารการบินไทยได้เงินเดือน เดือนละ 900,000 บาท ซึ่งกรรมกร 1 คน ต้องทำงานใช้เวลาถึง 12 ปี จึงจะได้เงินเท่ากับผู้บริหารคนนี้ทำงานเพียง 1 เดือน
ผู้บริหารระดับสูงที่มีเงินเดือนค่าเฉลี่ยสูงสุดในภาคธุรกิจเอกชนไทย มีเงินเดือนๆ ละ 147,547 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือเท่ากับ 5,016,598 บาท (34บาทต่อ1ดอลล่าร์สหรัฐฯ) เป็นอันดับ 8 ของโลก อันดับหนึ่งเป็นผู้บริหารธุรกิจที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้เงินเดือน ๆ ละ 229,325 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ 7,560,000 บาท
เพียง 1นาที ซีอีโอไทย ได้ค่าจ้าง 475 บาท 1ชั่วโมง เท่ากับ 28,503 บาท กรรมกรต้องทำงานเกือบ 5เดือน จึงจะเท่ากับ ซีอีโอไทยทำงาน 1ชั่วโมง
ลูกสมุนกษัตริย์ขนเงินซื้ออาวุธ
การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2552 อนุมัติซื้ออาวุธหมื่นล้านบาท
ซื้อเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์ก (SEA HAWK) โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการปราบเรือดำน้ำ วงเงิน989,985,400 บาท ให้บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) จัดหาระบบโซนาร์แบบชักหย่อน และปรับปรุงระบบควบคุมและประมวลผลทางยุทธวิธี รุ่น ASN-15 (V) จากบริษัท L3 COMMUNICATION OCEANSYSTEM สหรัฐอเมริกา
ซื้อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง 3 ลำ วงเงิน 1,603,177,084 บาท จากบริษัท มาร์ซัน
ซื้อรถยนต์สายสรรพาวุธ วงเงิน 4,994,649,000 บาทเพื่อใช้ปฏิบัติราชการในกองทัพบก
ซื้อรถยนต์บรรทุกขนาด 2 ตันครึ่ง จากบริษัท อิทธิพรอัมชวรัต จำกัด ผู้แทนจำหน่ายโดยตรงของบริษัทอีซูซุมอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ดำเนินการจัดซื้อวิธีพิเศษ จำนวน 1,474 คัน ในราคาคันละ 3,388,500 บาท(เป็นราคายกเว้นค่าอากรศุลกากรขาเข้า แต่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว)
ซื้อยานพาหนะ-เครื่องจักร วงเงิน 3,049,536,380 บาท เพื่อใช้ปฏิบัติราชการในหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ปฏิบัติตามโครงการของหน่วยงานด้านการช่วยเหลือประชาชนงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนโครงการพิเศษอื่นๆ ซื้อจากบริษัท สกาเวีย จำกัด บริษัท รอยัลชิก จำกัด และบริษัท เมก้าลิงค์ จำกัด ซึ่งได้ผ่านการตั้ง งบฯ ปี 2553 รองรับจำนวน 610,856,800 บาทส่วนงบฯ ที่ขาดอีก 1,827,822,780 บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยเสนอขอจากงบฯ ปี 2554 และ2555 ต่อไป
ซื้อปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร จำนวน 14,264 กระบอก วงเงิน 28,570,792 ดอลลาร์สหรัฐ ราคากระบอกละ 2,003 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยทั้งสิ้น 976,549,671 บาท โดยวิธีพิเศษ จากบริษัทอิสราเอล วาร์พอน อินดัสตรี จำกัด ประเทศอิสราเอล
ซื้ออุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วงเงิน 81,059,250 บาท จำนวน 4รายการ ประกอบด้วย
1.ชุดป้องกันสะเก็ด (ชุดปราบจลาจล) ชุดละ 3,000 บาท จำนวน 16,645 ชุด วงเงิน 48,135,000 บาท
2.กระบองยาง อันละ 1,000 บาท จำนวน 18,445 อัน วงเงิน 18,445,000 บาท
3.ถุงมือหนัง คู่ละ 500 บาท จำนวน 16,045 คู่ วงเงิน 8,022,500 บาท และ
4.สายรัดข้อมือ เส้นละ 35 บาท จำนวน 184,450 เส้น วงเงิน 6,455,750 บาท
ศักดินาหยิบมือเดียวไม่ทำการผลิต
จำนวนประชากรไทยปี 2551 จำนวน 63.39 ล้านคน ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำนวน 37.70 ล้านคน ผู้มีงานทำงาน 37.02 ล้านคน ประชากรภาคเกษตร 14.70 ล้านคน ประชากรนอกภาคเกษตร 22.32 ล้านคน ผู้ว่างงาน 0.52 ล้านคน
ปี 2546 จำนวน 63.22 ล้านคน ผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 33.74 ล้านคน ผู้มีงานทำ 31.83 ล้านคน ผู้ทำงานในภาคเกษตร 12.51 ล้านคน ผู้ทำงานนอกภาคเกษตร 19.32 ล้านคน และสาขานอกภาคเกษตรประกอบด้วย ภาคการผลิต 5.15 ล้านคน ภาคการก่อสร้าง 1.74 ล้านคน ภาคการขายส่ง-ขายปลีก-ซ่อมยานพาหนะ4.98 ล้านคน ภาคโรงแรมภัตตาคาร 2.11 ล้านคน ภาคการขนส่งและคลังสินค้า 1.09 ล้านคน ภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจให้เช่า 0.53 ล้านคน รวมแล้วอาชีพการรับจ้างประมาณ 15.60 ล้านคน ที่เหลืออีก3.72 ล้านคนเป็นข้าราชการประมาณ 2 ล้านคนเศษ และอีกประมาณ 1 ล้านคนเศษเป็นพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยนายทุนน้อย และส่วนที่เหลือไม่กี่แสนคนเป็นพวกกลุ่มทุนเสรีนิยมใหม่ นายทุนกลุ่มอนุรักษ์นิยม และนายทุนสวามิภักดิ์
มีพวกกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ไม่ถึง 1,000 คน ที่ควบคุมความสัมพันธ์ทางการผลิต มีสิทธิได้รับส่วนเกินแบบกาฝาก และควบคุมโครงสร้างการเมืองส่วนบน
แรงงาน 1 คน สร้างมูลค่าเพิ่มได้ 7 เท่า
มูลค่าค่าแรงและกำไรส่วนเกินที่กรรมกรสร้างขึ้นให้กับสังคม กรณีตัวอย่างของบริษัท เวิลด์เวลล์การ์เมนท์ จำกัด ทุนจดทะเบียนปัจจุบัน 25 ล้านบาท ผลิตเสื้อผ้ายี่ห้อดัง เช่น ดิสนีย์ ฮาเลย์ เดวิดสัน สคูลไทรอัมพ์ ฯลฯ ซึ่งมีทุนของศักดินาร่วมด้วย ผู้บริหารคือนายกิจจา จรุงผลพิพัฒน์
บริษัทได้กำไรจากเสื้อผ้าตัวหนึ่งมากกว่าค่าแรงที่จ่ายให้คนงานหลายเท่า คือ คนงานได้ค่าแรงวันละ206 บาท ผลิตเสื้อผ้าประมาณวันละ 200 ตัว นายจ้างส่งเสื้อผ้าให้ตัวแทนยี่ห้อในประเทศไทยในราคาตัวละ 700 บาท (ราคาอาจต่างกันตามยี่ห้อ) เช่น ไทรอัมพ์ หากยิงป้ายจากบริษัทไปจะเป็นราคา 1,950 บาทต่อตัว หรือ 1,600 บาท แล้วแต่ชนิด ซึ่งราคาเหล่านี้แพงกว่าค่าแรงที่จ่ายให้พนักงานมากนัก
คนงาน 41 คน เย็บกางเกงของไทรอัมพ์ 1,000 ตัว คนงานฝ่ายผลิตเย็บ 60-70 ขั้นตอนจะทำเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
คนงาน 41 คน ค่าแรงรวม สัปดาห์ละ 102,500 บาท
กางเกง 1,000 ตัว ราคาส่งขายรวม 700,000 บาท
แรงงาน 1 คน สร้างมูลค่าเพิ่มได้ 7 เท่า !!! ส่วนเกิน 600,000 บาท ใครได้ไปกินบ้าง
บทสรุป
กลุ่มทุนศักดินากับนายทุนกลุ่มอื่นเอารัดเอาเปรียบประชาชน 10 ประการ คือ
1. มีกรรมสิทธิ์ในปัจจัยการผลิตมากที่สุด
2. สะสม ดูดซับ เพิ่มพูน สูบเอาปัจจัยการผลิตอย่างต่อเนื่อง(กวาดเอาที่ดิน เงินทุน เครื่องจักร สัมปทาน แร่น้ำ ไฟฟ้า ฯลฯ )
3. สามารถรู้ข้อมูลวงในของธุรกิจ ทิศทาง และแนวโน้มธุรกิจต่างๆ
4. ใช้อำนาจและอิทธิพลในการรุกไล่ บังคับ บีบคั้นเอาสัมปทาน การตลาด และการค้ากำไร
5. ใช้กฎหมายคุ้มครอง ห้ามฟ้องร้อง ห้ามยึดทรัพย์
6. ใช้กลไกอำนวยความสะดวกในการรุกที่ดิน ป่าไม้ ภูเขา แหล่งแร่
7. ใช้หน่วยงานรัฐสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคเพื่อธุรกิจ
8. การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานต่อแรงงานรับจ้างในโครงการพระราชดำริ
9. ไม่เสียภาษี
10. เอาเงินภาษีมาใช้ในกิจการพระมหากษัตริย์ปีละกว่า 20,000 ล้าน (และมากขึ้น ๆ ทุกปี) โดยทุกรัฐบาลต้องจัดสรรให้จำนวนมหาศาลนี้ให้ในรูปของเงินงบประมาณประจำปี ซึ่งหากรวมงบประมาณที่ซ่อนในงบกลางและงบบริหารของหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจทุกหน่วย ทั้งส่วนกลางส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นกว่า2 หมื่นหน่วยงาน จะมีเม็ดเงินใช้จ่ายเพื่อครอบครัวกษัตริย์ถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี
จากอำนาจ อิทธิพล สิทธิพิเศษของทุนกษัตริย์ที่เหนือกว่าทุนทุกกลุ่มในประเทศ และยังมีปริมาณเงินทุน จำนวนสินทรัพย์ที่เหนือกว่าทุนต่างประเทศ และยังสามารถออกกฎหมายควบคุม กลั่นแกล้ง กีดกันทุนต่างประเทศที่ไม่สวามิภักดิ์ได้อีกด้วย จึงสามารถระบุได้ว่า
1.ทุนกษัตริย์สะสมได้มาก มีอิสระ ไม่อยู่ภายใต้ทุนของจักรวรรดินิยมอเมริกา หรือทุนต่างประเทศของชาติใดชาติหนึ่ง จึงไม่ใช่ทุนบริวารของใคร และในปรัชญาวัตถุนิยมยังถือว่าเงื่อนไขภายในเป็นตัวชี้ขาด
2.ทุนกษัตริย์มีฐานะนำในการต่อรอง ในความสัมพันธ์กับกลุ่มทุนอื่นทั้งภายในและภายนอกประเทศ
3.ทุนกษัตริย์เป็นทุนข้ามชาติสัญชาติไทยที่สามารถส่งออกไปแสวงหากำไรนอกประเทศได้เอง
4.ทุนกษัตริย์เป็นทุนที่ได้เปรียบ เอาเปรียบ คุกคามและเป็นองค์เหนือรัฐ เหนือการตรวจสอบความโปร่งใสจากทุกกลไกรัฐ (สรรพากร/กระทรวงอุตสาหกรรม/ตลาดลักทรัพย์/ปปช./สตง./รัฐสภา/ศาล ฯลฯ)สื่อมวลชนก็ไม่กล้าเผยแพร่ข้อมูล ข้อเท็จจริงต่าง ๆ
5.ครอบครองความสัมพันธ์ทางการผลิตครบวงจร ตั้งแต่แหล่งเงินทุน กระบวนการผลิต การตลาด และกลไกควบคุมสิทธิประโยชน์
6.ทุนกษัตริย์เป็นต้นตอวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีปัจจัยหลายประการที่อยู่ในโครงสร้างความสัมพันธ์ทางการผลิตของทุนกษัตริย์ ที่จะก่อวิกฤติและเร่งวิกฤติ ดุจเป็นเชื้อมะเร็งในระบบ และเป็นโครงสร้างที่เข้าสู่ระยะของการทำลายล้างตนเอง คือ
6.1 การใช้เงินทุนส่วนใหญ่ในภาคเก็งกำไรถึง 90% ใช้ภาคผลิตเพียง 10%
6.2 การมุ่งทำผลกำไรเพื่อครอบครัวกษัตริย์ ทำให้ทรัพยากร บุคลากร งบประมาณ สาธารณูปโภคโครงสร้างพื้น ไม่กระจายไปสู่สังคมส่วนใหญ่ ฯลฯ
6.3 การเน้นเครื่องจักรทันสมัยเฉพาะในธุรกิจของทุนกษัตริย์ ซึ่งเครื่องจักรทันสมัยไม่ต้องใช้คนทำงานมาก ลดคนทำงานลง ทำให้นักศึกษาส่วนใหญ่ตกงาน (เน้นซื้อเครื่องจักร ไม่เน้นพัฒนาคนแบบกระจายทั่วสังคม)
6.4 งบประมาณและบุคลากรการวิจัยของประเทศมีน้อย โดยงบวิจัยและบุคลากรส่วนใหญ่ถูกดึงไปใช้ในกิจการธุรกิจกษัตริย์ เมื่อเทียบกับต่างประเทศที่เจริญแล้ว งบการวิจัยมีถึง 2.8–2.9 % ต่อ GDP บางปี สูงถึง353.5% แต่งบประมาณการวิจัยของไทย มีเพียงไม่ถึง 0.26 % ต่อ GDP เท่านั้น
7. ทุนกษัตริย์เป็นทุนเดียวที่ครองแชมป์ ขยายตัว พัฒนา สะสมทุนมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น คือ ตั้งแต่ปลายสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ระยะแรกได้เอาทรัพยากรธรรมชาติไปขาย จากนั้นก็เป็นทุนการผลิตแปรรูปทรัพยากรเป็นสินค้า ก้าวสู่การเป็นทุนการค้า ทุนการเงินและกลายเป็นทุนเก็งกำไรในยุคปัจจุบัน
8. ลักษณะความสัมพันธ์ทางการผลิตของสังคมไทยจึงเป็นความสัมพันธ์ของทุนกษัตริย์ผูกขาดเป็นด้านหลักของคู่ความขัดแย้งระหว่างทุนของกษัตริย์ฝ่ายหนึ่งกับทุนกลุ่มอื่นๆ อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นด้านรอง ลักษณะทั่วไปจึงเป็น “ทุนศักดินาผูกขาดเหนือรัฐ”
ท่ามกลางพลังการผลิตที่ก้าวหน้า ทั้งเทคโนโลยีและศักยภาพของมนุษย์ที่ทำงานร่วมกับเครื่องมือเครื่องจักรและเทคโนโลยี ประกอบกับรูปแบบวิธีการผลิตที่เป็นแบบสังคมหรือเป็นเครือข่ายของมนุษย์โยงใยทั่วโลก แต่กลับมีระบอบกรรมสิทธิ์ การตัดสินใจ และการแบ่งปันเป็นแบบปัจเจกชนและเป็นอนาธิปไตย จึงส่งผลให้สังคมทุนนิยมเกิดวิกฤติซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความสัมพันธ์ทางการผลิตแบบเอกชนและเสรีไร้จิตสำนึกของสังคม จะต้องปะทะกันเองในความสัมพันธ์พื้นฐานนี้อย่างดุเดือด และส่งผลปะทุในเวทีการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น สรุปได้ว่า ความสัมพันธ์ทางการผลิตที่มีกลุ่มทุนกษัตริย์เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตได้ทำให้การพัฒนาทุนนิยมในประเทศไทยเป็นไปได้น้อย การสะสมทุนทางสังคมเพื่อใช้ในการผลิตซ้ำจึงลดน้อยลงไปเพราะกลุ่มทุนกษัตริย์นำกำไรส่วนเกินที่ปล้นสะดมจากประชาชนไปใช้ในกิจกรรมส่วนตัว ครอบครัว และชนชั้นของตน
ประกอบกับประชาชนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายให้กับเครือข่ายกษัตริย์ กองอำนวยการ กองปฏิบัติการ กองรักษาความปลอดภัย ซึ่งต้องใช้จ่ายเงินของสังคมจำนวนมหาศาลในการเลี้ยงดูและซื้อวัสดุอุปกรณ์ให้กับเครือข่ายเหล่านี้หลายแสนคนต่อวัน ทำให้เงินทุนของสังคมที่ใช้สำหรับนำไปผลิตซ้ำ จึงลดน้อยถอยลงมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับประชาชนที่ต้องอดอยากยากจนอย่างแสนสาหัส ผู้ประกอบการรายย่อยล้มละลาย กลายเป็นแรงงานรับจ้าง และชนชั้นกรรมาชีพเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ประชาชนขาดอาหารการกิน ขาดยารักษาโรค ขาดที่อยู่อาศัย และสวัสดิการอื่นๆ
ผู้ขัดขวางพลังการผลิต จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจากกลุ่มทุนกษัตริย์ หรืออาจกล่าวได้ว่าอาชญากรทางเศรษฐกิจ และผู้ปล้นสะดมหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชน ก็คือกลุ่มทุนกษัตริย์และเครือข่าย นั่นเอง
.....................................................................................

Read Comments
  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

7 ความคิดเห็น:

Beacon Loans กล่าวว่า...

คุณต้องการให้เงินกู้หรือไม่ ถ้าให้ กลับไปฉันตอนนี้จะได้รับเงินทุน/เงินจากการลงทะเบียนและรัฐบาลอนุมัติเงินกู้ของบริษัทที่เพียง 1.5% อัตราดอกเบี้ยต่อปี

Info.beaconloansfirm@gmail.com รหัสอีเมล์ติดต่อของเรา

ด้วยความเคารพ
ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา

rapheal กล่าวว่า...

ใช้สำหรับเงินกู้ของคุณวันนี้ออนไลน์โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของทุกชนิดและรับ
เงินกู้ของคุณในอัตรา 3%
ติดต่อเราวันนี้ที่
raphealjefferyfinance@gmail.com
กรอกแบบฟอร์มการสมัครขอสินเชื่อ

ชื่อ:
ประเทศ:
สถานะ:
เบอร์โทรศัพท์:
อายุ:
อาชีพ:
จำนวนเงินกู้ที่จำเป็น:
ระยะเวลา:
เว็บไซต์: raphealjefferyfinance@gmail.com

ผบ. นายเจฟฟรีย์

rapheal กล่าวว่า...

ขอเรียน: เรามีทุกประเภทของเงินให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยที่ 3% กรุณา
ส่งอีเมลถึงเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้วันนี้ถ้าสนใจ เรามีเงินให้สินเชื่อ
ผู้ประกันตนได้ดีสำหรับการรักษาความปลอดภัยสูงสุดที่มีความสำคัญและ 100% ถูกต้องตามกฎหมายของเรา
และเรามีการลงทะเบียนกันอีเมล์: raphealjefferyfinance@gmail.com
ชื่อ:
ที่อยู่:
เบอร์โทรศัพท์:
จํานวนเงินที่จำเป็น:
ระยะเวลา:
อายุ:
เพศ:
ซีอีโอ / อีเมล์: raphealjefferyfinance@gmail.com
ขอแสดงความนับถือ
คุณชาย Rapheal

Unknown กล่าวว่า...

เรียนผู้สมัคร

เราให้กู้ยืมแก่ บริษัท เอกชนและบุคคลทั่วไป คุณสามารถหาข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเงินกู้ที่เรานำเสนอด้านล่าง ในการได้รับเงินกู้จาก บริษัท ของเรามีข้อมูลบางอย่างที่เราต้องส่งให้คุณก่อนที่เราจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ อัตราดอกเบี้ย: ในวงเงินที่เราให้บริการเราคิดดอกเบี้ย 2% อัตราดอกเบี้ย จำนวนเงินขั้นต่ำ: 1,000.00 ถึงสูงสุด 100,000,000.00 ข้อมูลจำเป็น: สำหรับข้อมูลที่จำเป็นคุณจะต้องกรอกใบสมัครที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของคุณและข้อมูลการกู้ยืมเงินซึ่งจะช่วยให้เราให้คุณได้ เอกสารฉบับสมบูรณ์ของเงื่อนไขการกู้ยืมและสัญญาข้อตกลงที่คุณจะคาดว่าจะลงชื่อและส่งกลับไปยัง บริษัท เพื่อขออนุมัติหากพอใจ ส่งอีเมลถึงเรา: (morrislaurenceloanfirm@gmail.com)

ฉันจะใช้? กรุณากรอกแบบฟอร์มใบสมัครด้านล่างนี้:

แบบฟอร์มขอสินเชื่อ
ชื่อเต็ม:....................
ประเทศ:.....................
สถานะ:..............
เมือง:..............
เพศ:.........................
หมายเลขโทรศัพท์:...........
วงเงินกู้: ...........
รายได้ต่อเดือน: ..........
อาชีพ: ................... ....
ระยะเวลาเงินกู้: ....................... ................
วัตถุประสงค์ของสินเชื่อ: ......................... ...........
ที่อยู่อีเมล:...................... ................
คุณเคยใช้มาก่อนหรือไม่ ....................

เรากำลังรอการกรอกแบบฟอร์มใบสมัครเร่งด่วน
ส่งอีเมลถึงเรา: (morrislaurenceloanfirm@gmail.com)

ด้วยความนับถือ

Mrs Bertha กล่าวว่า...

สวัสดีนี่คือ PATRICIA BERTHA LOAN COMPANY ใน บริษัท นี้เราให้ออกเงินกู้โอกาสชีวิตคุณต้องการเงินกู้เร่งด่วนเพื่อล้างหนี้ของคุณหรือคุณต้องการกู้เงินเพื่อปรับปรุงธุรกิจของคุณหรือไม่ คุณถูกปฏิเสธโดยธนาคารและหน่วยงานทางการเงินอื่น ๆ หรือไม่? คุณจำเป็นต้องมีสินเชื่อรวมหรือการจำนองหรือไม่วันนี้เรากำลังบอกว่าหยุดและค้นหาไม่ได้มากเท่าที่เราอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ทุกปัญหาทางการเงินของคุณเป็นเรื่องที่ผ่านมา เราให้ยืมเงินแก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินที่มีเครดิตไม่ดีหรือต้องการเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการลงทุนในธุรกิจในอัตรา 2% เราต้องการใช้สื่อนี้เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าเราทำอะไร ความช่วยเหลือที่เชื่อถือได้และเป็นประโยชน์และยินดีที่จะเสนอเงินกู้แก่คุณ เราคือความซื่อสัตย์เรารักษาคำพูดและคำสัญญาไว้เสมอ ติดต่อเราวันนี้ทางอีเมล:
Patriiciaberthaloancompany1@gmail.com พร้อมรายละเอียดเงินกู้ดังนี้
BORROWER'S DATAS
1) ชื่อเต็ม: ......................................................
2) ประเทศ: .........................................................
 3) ที่อยู่: .........................................................
 4) รัฐ: ............................................................
 5) เพศ: ...............................................................
 6) สถานภาพการสมรส: .............................................
 7) อาชีพ: ...................................................
 8) หมายเลขโทรศัพท์: ................................................
 9) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งแทนสถานที่ทำงาน: ...................................................
 10) รายได้รายเดือน: .............................................
 11) วงเงินกู้ที่ต้องการ: .................................
 12) ระยะเวลาเงินกู้: ................................................
 13) วัตถุประสงค์ในการให้กู้ยืม: ..........................................
 14) ศาสนา: ......................................................
 15) เคยสมัครก่อนหน้านี้หรือไม่ ...................................................
 16) สกุลเงินที่ต้องการ: ...................................................
ขอบคุณ
คุณ Bertha

Mrs Bertha กล่าวว่า...

สวัสดีนี่คือ PATRICIA BERTHA LOAN COMPANY ใน บริษัท นี้เราให้ออกเงินกู้โอกาสชีวิตคุณต้องการเงินกู้เร่งด่วนเพื่อล้างหนี้ของคุณหรือคุณต้องการกู้เงินเพื่อปรับปรุงธุรกิจของคุณหรือไม่ คุณถูกปฏิเสธโดยธนาคารและหน่วยงานทางการเงินอื่น ๆ หรือไม่? คุณจำเป็นต้องมีสินเชื่อรวมหรือการจำนองหรือไม่วันนี้เรากำลังบอกว่าหยุดและค้นหาไม่ได้มากเท่าที่เราอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ทุกปัญหาทางการเงินของคุณเป็นเรื่องที่ผ่านมา เราให้ยืมเงินแก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงินที่มีเครดิตไม่ดีหรือต้องการเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในการลงทุนในธุรกิจในอัตรา 2% เราต้องการใช้สื่อนี้เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่าเราทำอะไร ความช่วยเหลือที่เชื่อถือได้และเป็นประโยชน์และยินดีที่จะเสนอเงินกู้แก่คุณ เราคือความซื่อสัตย์เรารักษาคำพูดและคำสัญญาไว้เสมอ ติดต่อเราวันนี้ทางอีเมล:
Patriiciaberthaloancompany1@gmail.com พร้อมรายละเอียดเงินกู้ดังนี้
BORROWER'S DATAS
1) ชื่อเต็ม: ......................................................
2) ประเทศ: .........................................................
 3) ที่อยู่: .........................................................
 4) รัฐ: ............................................................
 5) เพศ: ...............................................................
 6) สถานภาพการสมรส: .............................................
 7) อาชีพ: ...................................................
 8) หมายเลขโทรศัพท์: ................................................
 9) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งแทนสถานที่ทำงาน: ...................................................
 10) รายได้รายเดือน: .............................................
 11) วงเงินกู้ที่ต้องการ: .................................
 12) ระยะเวลาเงินกู้: ................................................
 13) วัตถุประสงค์ในการให้กู้ยืม: ..........................................
 14) ศาสนา: ......................................................
 15) เคยสมัครก่อนหน้านี้หรือไม่ ...................................................
 16) สกุลเงินที่ต้องการ: ...................................................
ขอบคุณ
คุณ Bertha

Nisrina Endang / CERITA YANG BENAR BAGAIMANA SAYA MENDAPATKAN PINJAMAN ONLINE SAYA. กล่าวว่า...

บริษัท เงินกู้ RIKA ANDERSON
rikaandersonloancompany@gmail.com
w / s +14147057484

ฉันนาง Nisrina Endang จาก Makassar, อินโดนีเซีย, ฉันใช้สื่อเพื่อบอกพี่น้องของฉันว่าฉันเพิ่งได้รับเงินกู้ 250 ล้านจากแม่ที่ดีเมื่อลูกป่วยและต้องการปลูกถ่ายไตที่ฉันไม่ต้องการ ' ไม่มีเงินทั้งหมดมีคนปฏิเสธที่จะให้ยืมเงินกับฉันธนาคารของฉันปฏิเสธฉันจนกว่าฉันจะได้พบกับนาง Pertiwi Gesang อีเมล pertiwigesang@gmail.com และแม่ Merpati Darma กับอีเมล merpatidarma@gmail.com บริษัท ที่เรียกว่า Ibu RIKA ANDERSON เงินกู้ บริษัท

พวกเขาให้เงินกู้ฉันเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลของลูกของฉันและตั้งธุรกิจโดยไม่มีหลักประกันพร้อมดอกเบี้ย 2% นางริกาเป็นผู้กอบกู้ชีวิตขอพระเจ้าทรงอวยพรแม่ที่ซื่อสัตย์สำหรับการทำความดีของเขาต่อไป

หากคุณต้องการสินเชื่อหรือความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อชำระหนี้ของคุณหรือลงทุนในธุรกิจของคุณฉันจะแนะนำให้คุณติดต่อ บริษัท ผ่านทางอีเมลในกรณีและทุกคำถามหรือข้อเสนอแนะฉันสามารถติดต่อทางอีเมลได้ที่ endangnisrina@gmail.com ฉันหวังว่าความสงบสุขและพรเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนกังวล

Nisrina Endang
endangnisrina@gmail.com
BCA IDR 250,000,000
จาก Makassar, อินโดนีเซีย

แสดงความคิดเห็น